เร้ดแฮทเผยผลสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าทั่วโลก เกี่ยวกับเทคโนโลยีในปี 2562 ชี้องค์กรเตรียมทุ่มงบประมาณกับระบบงานอัตโนมัติ คลาวด์ และระบบรักษาความปลอดภัย

บทความโดย มาร์กาเร็ต ดอว์สัน, ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ อินเตอร์เกรตเต็ดโซลูชั่น, เร้ดแฮท

เร้ดแฮทได้จัดทำรายงานผลสำรวจประจำปี (Red Hat Global Customer Tech Outlook) เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้สำรวจความคิดเห็นจากผู้บริหารฝ่ายไอทีในองค์กรต่างๆ ที่เป็นลูกค้าของเร้ดแฮท เกี่ยวกับพัฒนาการและความก้าวหน้าในการปรับใช้เทคโนโลยีภายในองค์กร และทิศทางการใช้เทคโนโลยีในปี 2562 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจาก 51 ประเทศซึ่งระบุว่า ความท้าทายที่พบคือ กลยุทธ์การนำเทคโนโลยีมาใช้ การแสวงหาเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ งบประมาณ และภารกิจสำคัญด้านเทคโนโลยีในปี 2562

ข้อมูลสำคัญจากการสำรวจมีดังนี้

  1. ระบบรักษาความปลอดภัยยังคงมีความสำคัญต่อทุกประเด็นคำถามและทุกแง่มุมทางด้านเทคโนโลยี
  2. แม้การปรับปรุงการดำเนินงานโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นสิ่งที่ “ต้องทำ” แต่ยังคงเป็นงานที่ยากลำบาก
  3. แม้เทคโนโลยีคลาวด์และคอนเทนเนอร์จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีคำถามเกี่ยวกับกลยุทธ์และความปลอดภัย

แม้ว่าจะมีแผนการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์และคอนเทนเนอร์ แต่โครงสร้างพื้นฐานเวอร์ชวลไลซ์แบบเดิมๆ ยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กรส่วนใหญ่ ทั้งสำหรับเวิร์กโหลดใหม่ๆ และเวิร์กโหลดที่มีอยู่ และสุดท้ายแล้ว ดูเหมือนว่าองค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องกำหนดมาตรฐานให้กับระบบปฏิบัติการ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้ Linux บนสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งแบบเก่า แบบใช้คอนเทนเนอร์ และแบบคลาวด์เนทีฟ

ระบบงานอัตโนมัติ คลาวด์ และระบบรักษาความปลอดภัย

ได้รับงบประมาณไอทีสูงสุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน

เทคโนโลยีที่จะได้รับการจัดสรรงบประมาณด้านไอทีมากที่สุดขององค์กรต่างๆ ในช่วงปี 2562 ก็คือ ระบบงานอัตโนมัติที่ใช้ในการดำเนินการด้านไอที โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ และระบบรักษาความปลอดภัยตามลำดับ เทคโนโลยีทั้งสามนี้ครอง 3 อันดับสูงสุดเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน อย่างไรก็ดี ระบบงานอัตโนมัติเลื่อนขึ้นจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว เป็นอันดับ 1 ในปีนี้ โดย 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าเป็นหนึ่งในสามเทคโนโลยีที่ได้รับงบประมาณสูงสุด เปรียบเทียบกับ 36% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่ามีความพยายามเพิ่มมากขึ้นที่จะลดการทำงานด้านไอทีที่ใช้บุคลากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับการที่ Red Hat Ansible ได้รับความสนใจและมีความต้องการมากขึ้นในตลาด Red Hat Ansible เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านระบบงานอัตโนมัติของ ขณะที่คลาวด์และระบบรักษาความปลอดภัยมีเปอร์เซ็นต์ลดลงเล็กน้อยจากตัวเลขในปี 2561 แต่ก็ยังมีความสำคัญทิ้งห่างเทคโนโลยีอื่นๆ

เทคโนโลยีที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเป็นอันดับที่ 4 และ 5 ในปีนี้ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพหรือการปรับปรุงระบบไอทีรุ่นเก่า/ที่มีอยู่ให้ทันสมัย และการบูรณาการระบบภายในองค์กร ทั้งนี้ ลูกค้าให้ความเห็นว่าการบูรณาการระบบมีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากมีความต้องการทางธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลและแอปพลิเคชั่นเพิ่มขึ้น

สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบไอที องค์กรต่างๆ ยังคงพยายามที่จะย้ายการลงทุนจากเทคโนโลยีรุ่นเก่าไปสู่นวัตกรรมต่างๆ แต่สำหรับองค์กรส่วนใหญ่แล้ว 50 ถึง 60% ของงบประมาณด้านไอทีจะยังคงถูกใช้ไปกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ ตัวเลขด้านการลงทุนในระบบเก่าในปีนี้เมื่อเทียบกับระบบรุ่นใหม่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งเร้ดแฮทมองว่าอาจเป็นแนวโน้มที่ดี หรือบางทีเราอาจกำลังก้าวเข้าสู่สถานการณ์ที่เรียกว่า “ความท้าทายในการใช้สองระบบควบคู่กัน”

ข้อมูลคาดการณ์ที่สำคัญในปี 2562

การปรับปรุงการดำเนินงานโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล: กำลังดำเนินการแต่ประสบความยากลำบาก

จากผลการสำรวจ บริษัทต่างๆ ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการดำเนินงานโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation – DX) ทั้งนี้ ผลการสำรวจก่อนหน้านี้ระบุว่า 19% ของบริษัทที่ตอบแบบสอบถามมีแผนที่จะปรับใช้โมเดลธุรกิจแบบใหม่ หรือปรับใช้ผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลใหม่ๆ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และผลการสำรวจของปีนี้ชี้ให้เห็นว่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า (35%) โดยธุรกิจบริการด้านการเงินเป็นผู้นำในเรื่องนี้

ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่เร้ดแฮทได้เห็นและได้รับฟังจากลูกค้าทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางด้านดิจิทัล (Digital Disruption) จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่คำถามก็คือจะเกิดขึ้นเมื่อไรและมีขอบเขตมากแค่ไหน องค์กรต่างๆ ตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการใช้งานแอปพลิเคชั่นและสร้างประสบการณ์การใช้งานแบบดิจิทัล เพื่อสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่ไม่มีแผนที่จะดำเนินโครงการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลลดลงถึงครึ่งหนึ่งจาก 32% เหลือเพียง 14% ในกรณีนี้ กลยุทธ์ “ทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจ” ไม่สามารถใช้ได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี การพัฒนาและดำเนินกลยุทธ์ DX ที่ชัดเจนเป็นเรื่องยาก ผลการสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่า หนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถามยังคงพัฒนากลยุทธ์ DX นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้มีการเพิ่มตำแหน่งงานใหม่ซึ่งโดยปกติแล้วจะขึ้นตรงต่อประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย สารสนเทศ (CIO) โดยตำแหน่งดังกล่าวมักจะใช้ชื่อว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับใช้โซลูชั่นดิจิทัล ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวปรากฏให้เห็นทั้งในองค์กรภาครัฐและเอกชน

โครงสร้างพื้นฐานขององค์กรยังคงใช้ระบบเวอร์ชวลไลเซชั่น

แม้ว่าบริษัทต่างๆ คาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากระบบคลาวด์ แต่ระบบเวอร์ชวลไลเซชั่นก็ยังคงเป็น โครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการใช้งานมากที่สุดกับเวิร์กโหลดที่มีอยู่ รวมถึงการติดตั้งแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้ไม่ได้ต้องการใช้เวอร์ชวลไลเซชั่นในลักษณะเดิมๆ หากแต่ต้องการให้เป็นในรูปแบบของระบบคลาวด์ที่ทำงานได้ด้วยตนเอง (Self-service Cloud) โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 51% ระบุว่าเวอร์ชวลไลเซชั่นเป็นเทคโนโลยีอันดับหนึ่งที่พวกเขาต้องการที่จะนำเสนอในรูปแบบของบริการ

องค์กรจำนวนมากที่ตอบแบบสอบถามมีไฮเปอร์ไวเซอร์หลายเครื่องอยู่ในสภาพแวดล้อมขององค์กร และไม่มีแผนที่จะซื้อไฮเปอร์ไวเซอร์ในช่วงสองสามปีข้างหน้า ทั้งนี้การสำรวจพบว่าลูกค้าต้องการลดค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนของสภาพแวดล้อมแบบเวอร์ชวลไลซ์ แต่ปัจจุบันลูกค้ากำลังใช้ไฮเปอร์ไวเซอร์ที่แตกต่างกันกับเวิร์กโหลดหรือสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง กัน เราคาดว่าองค์กรจะเริ่มต้นผนวกรวมระบบต่างๆ เพราะจำเป็นต้องมีการใช้ระบบเวอร์ชวลไลเซชั่นเพื่อให้ครอบคลุมสภาพแวดล้อมทั้งหมด ตั้งแต่ระบบที่ติดตั้งภายในองค์กรไปจนถึงระบบมัลติคลาวด์สาธารณะ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับระบบปฏิบัติการ

ระบบปฏิบัติการ: การเลือกระบบมาตรฐาน

ลูกค้าของเราต้องการที่จะลดจำนวนระบบปฏิบัติการ (OS) ที่จะต้องจัดการในปัจจุบัน โดย 15% ของลูกค้าที่ตอบแบบสอบถามมีระบบปฏิบัติการ 10 ระบบขึ้นไปในโครงสร้างพื้นฐานไอทีในปัจจุบัน แต่ตัวเลขดังกล่าวลดเหลือ 13% เมื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในอีกสองปีข้างหน้า

มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 3% ที่ระบุว่าองค์กรของตนมีระบบปฏิบัติการเพียงระบบเดียวในโครงสร้างพื้นฐานไอทีในปัจจุบัน และ 4% คาดหวังว่าจะมี OS เดียวภายในสองปีข้างหน้า องค์กรส่วนใหญ่มี OS สองหรือสามระบบอยู่ในโครงสร้างพื้นฐาน โดยสัดส่วนอยู่ที่ 33% ในปัจจุบัน และ 38% คาดว่าจะมี OS สองหรือสามระบบภายในปี 2563

แนวโน้มที่พบจากการสำรวจคือ ลูกค้ากำลังมองหา OS หนึ่งเดียวที่สามารถรองรับสถาปัตยกรรมที่สอดคล้องกัน โดยครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ ไปจนถึงระบบคลาวด์ภายในองค์กร และระบบคลาวด์สาธารณะหลายระบบ ส่วนหนึ่งของการพัฒนาในส่วนนี้อาจเป็นเพียงแค่การติดตั้ง OS เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ลดความยุ่งยากซับซ้อนและค่าใช้จ่าย เมื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบไฮบริดคลาวด์

กลยุทธ์ด้านคลาวด์: โลกของระบบไฮบริด

เราพบว่ามีบริษัทเพียง 6% เท่านั้นที่มีกลยุทธ์คลาวด์สาธารณะแบบล้วนๆ และกว่า 20% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังคงอยู่ระหว่างการกำหนดกลยุทธ์ด้านคลาวด์ ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาและดำเนินกลยุทธ์ด้านคลาวด์ที่ชัดเจนนับเป็นเรื่องยาก และเนื่องจากมีเทคโนโลยีและความท้าทายใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดในแต่ละวัน องค์กรต่างๆ จึงต้องพยายามที่จะก้าวตามให้ทัน องค์กรส่วนใหญ่กำลังดำเนินกลยุทธ์ไฮบริดคลาวด์ โดยมีการใช้งานระบบคลาวด์ภายในองค์กรและระบบ
คลาวด์สาธารณะร่วมกันและแยกออกจากกัน โดยขึ้นอยู่กับเวิร์กโหลด

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ 30% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีกลยุทธ์ด้านไฮบริดคลาวด์ โดยในปัจจุบัน 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้แพลตฟอร์มคลาวด์สองแพลตฟอร์มขึ้นไป และ 65% มีแผนที่จะใช้สองแพลตฟอร์มขึ้นไปภายใน 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า และมีเพียง 11% เท่านั้นที่ไม่มีแผนที่จะใช้แพลตฟอร์มคลาวด์ภายในสองปีข้างหน้า นอกจากนั้น 7% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีแผนที่จะใช้แพลตฟอร์มคลาวด์ห้าแพลตฟอร์มขึ้นไปภายในสองปีข้างหน้า ทั้งนี้ เราคาดว่าในช่วงหลายปีข้างหน้า เราจะก้าวเข้าสู่โลกของมัลติคลาวด์แบบไฮบริด

ตลอดช่วงระยะเวลากว่าห้าปีที่ผ่านมา เร้ดแฮทได้นำเสนอวิสัยทัศน์ด้านไฮบริดคลาวด์แบบเปิด (Open Hybrid Cloud) ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้ามีความคล่องตัวมากขึ้น เกิดการใช้งานร่วมกัน และการเคลื่อนย้ายเวิร์กโหลดบนสภาพแวดล้อมไอทีทั้งหมด ตั้งแต่ระบบแบบฟิสิคอลไปจนถึงระบบคลาวด์สาธารณะ

คอนเทนเนอร์: กำลังดำเนินการโดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยสูงสุด

การปรับใช้เทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ (Container) ไม่ได้รวดเร็วอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทต่างๆ ก็เริ่มที่จะเร่งการดำเนินการให้เร็วขึ้นกว่าเดิม จากการสำรวจ เราพบว่าการใช้งานคอนเทนเนอร์มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น 89% ภายในช่วง 2 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ บริษัทต่างๆ มองเห็นคุณค่าของเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ และกำลังดำเนินการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ปัญหาสำคัญที่สุดเกี่ยวข้องกับความกังวลใจเรื่องความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนั้น ผู้บริหารฝ่ายไอทีจำนวนมากยังขาดความรู้เรื่องคอนเทนเนอร์ ผู้ตอบแบบสอบถามราวครึ่งหนึ่งระบุว่าตนเองไม่แน่ใจว่าคอนเทนเนอร์มีความปลอดภัยหรือไม่ และมีเพียง 42% ที่ระบุว่าคอนเทนเนอร์ติดตั้งได้ง่าย

ความสับสนนี้น่าจะมาจากผู้จำหน่ายเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ รวมถึงตลาดโดยรวม กล่าวคือ ผู้จำหน่ายบางรายอาจทำให้คุณเชื่อว่าคอนเทนเนอร์ทั้งหมดมีลักษณะเหมือนๆ กัน และคอนเทนเนอร์ทั้งหมดมีความปลอดภัย มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เร้ดแฮทนำเสนอแพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์บน Red Hat Enterprise Linux เพราะเรามีประสบการณ์ที่ยาวนานหลายปีในการสร้างเทคโนโลยีบน OS โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย เช่นเดียวกับ OS ของเรา คอนเทนเนอร์จะต้องมีเสถียรภาพและไว้ใจได้ สำหรับการติดตั้งภายในองค์กร

นอกจากนี้ ลูกค้ายังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพเช่นกัน แม้ว่าผลการทดสอบส่วนใหญ่ชี้ว่าคอนเทนเนอร์มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Bare Metal ในระดับที่มากกว่าเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine – VM) แต่ผู้ตอบแบบสอบถาม 45% กลับระบุว่าพวกเขาไม่แน่ใจว่าคอนเทนเนอร์มีประสิทธิภาพดีกว่า VM หรือไม่ และ 12% ตอบว่าคอนเทนเนอร์ทำงานได้ช้ากว่า VM

อย่างไรก็ดี ความน่าสนใจและคุณประโยชน์ของคอนเทนเนอร์ช่วยกระตุ้นการใช้งานคอนเทนเนอร์เพิ่มมากขึ้น โดย 57% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขากำลังใช้งานคอนเทนเนอร์อยู่ในปัจจุบัน และส่วนใหญ่เป็นคอนเทนเนอร์ Linux ขณะที่ 75% คาดว่าจะใช้คอนเทนเนอร์ภายในอีกสองปีข้างหน้า และมีเพียง 19% เท่านั้นที่ใช้ทั้งคอนเทนเนอร์ Windows และ Linux แต่ 36% คาดว่าจะใช้งานคอนเทนเนอร์ทั้งสองภายในอีกสองปีข้างหน้า

ดังนั้นเราจึงเห็นว่าองค์กรส่วนใหญ่ใช้คอนเทนเนอร์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีเวิร์กโหลดมากแค่ไหนที่ถูกทำให้เป็นแบบคอนเทนเนอร์? จากผลสำรวจพบว่าปัจจุบันมีองค์กร 37% ที่รันเวิร์กโหลด 10% (หรือน้อยกว่า) ในคอนเทนเนอร์ ขณะที่ 38% ไม่ได้ใช้คอนเทนเนอร์เลย แต่ตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือ 26% เมื่อสอบถามถึงแผนการในช่วงสองปีข้างหน้า

มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 13% ที่ระบุว่ากำลังใช้คอนเทนเนอร์กับเวิร์กโหลดอย่างน้อยครึ่งหนึ่งในปัจจุบัน แต่ตัวเลขดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปในกรอบเวลาสองปี กล่าวคือ 28% ระบุว่าพวกเขาจะรันเวิร์กโหลดอย่างน้อย 50% ในคอนเทนเนอร์ และ 47% มีแผนที่จะรันเวิร์กโหลดไม่เกิน 49% ในคอนเทนเนอร์

เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ควรจับตามองในปี 2562

เร้ดแฮทจับตามองเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นเดียวกับลูกค้า เมื่อถามว่าลูกค้ามีแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีอะไรในช่วงปี 2562 ลูกค้าตอบว่าเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) คอนเทนเนอร์ (Container), เอดจ์คอมพิวติ้ง (Edge Computing) หรือฟ็อกคอมพิวติ้ง (Fog Computing) และเครื่องมือที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับนักพัฒนา (ตามลำดับ)

แล้วองค์กรต่างๆ สนใจเทคโนโลยีบล็อกเชนมากน้อยเพียงใด? จากการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า 86% ระบุว่าตนเองจะพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณกับเทคโนโลยีบล็อกเชนในช่วงปี 2562 ขณะที่ 82% จะพิจารณาการใช้จ่ายในส่วนของเอดจ์คอมพิวติ้งหรือฟ็อกคอมพิวติ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและบริการด้านการเงิน นอกจากนี้ 57% มีแผนที่จะลงทุนในเครื่องมือใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับนักพัฒนา

กล่าวโดยสรุปก็คือ ทุกอย่างเป็นเรื่องของความปลอดภัย การกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึก และการพัฒนาแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ

การรักษาความปลอดภัย: ผู้บริหารฝ่ายไอทีอยากให้บริษัทเทคโนโลยีมีความชำนาญในเรื่องนี้

เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมา มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับปัญหาเรื่องความปลอดภัยและข้อมูลรั่วไหลมากมายหลายกรณี ดังนั้นเราจึงได้เพิ่มเติมคำถามเพื่อสำรวจว่าผู้บริหารฝ่ายไอทีคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการรักษาความปลอดภัยในกรณีที่ต้องตัดสินใจเลือกผู้ขายและพันธมิตร จากผลการสำรวจนี้และงานวิจัยอื่นๆ เราพอจะสรุปได้ว่า ความปลอดภัยมีความสำคัญสูงสุดทั้งในแง่ของภารกิจ ความท้าทาย ความต้องการด้านการลงทุน ฯลฯ แต่ในการตัดสินใจเลือกบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยี องค์กรได้พิจารณาความสามารถของบริษัทดังกล่าวในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานและสถาปัตยกรรมแอปพลิเคชั่น ใช่หรือไม่? และคำตอบก็คือ ใช่

องค์กรต่างๆ พิจารณาว่าความรวดเร็วของผู้ให้บริการเทคโนโลยีในการตอบสนองโดยรวมต่อช่องโหว่ด้านความปลอดภัย “มีความสำคัญมากที่สุด” ในสัดส่วน 64% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ขณะที่ 30% ระบุว่า “มีความสำคัญอย่างมาก” และมีเพียง 2% เท่านั้นที่มองว่า “ไม่มีความสำคัญ”

นอกจากนี้ ความปลอดภัยยังเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกผู้ขายแพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์ โดย 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าความปลอดภัยของคอนเทนเนอร์มีความสำคัญมากที่สุดหรือมีความสำคัญอย่างมากต่อการเลือกผู้ขาย

ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นเกี่ยวกับคอนเทนเนอร์ การทำให้เทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สมีความปลอดภัยมากขึ้น เปี่ยมด้วยเสถียรภาพ และรองรับการใช้งานร่วมกัน คือหัวใจสำคัญของการดำเนินงานของเร้ดแฮทมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็นระบบปิดหรือระบบโอเพ่นซอร์ส เราไม่อาจละเลยหรือมองข้ามประเด็นเรื่องความปลอดภัย และในส่วนนี้เองที่ผู้ขายจะต้องทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาสถานะความปลอดภัยที่ครอบคลุมสถาปัตยกรรมและการดำเนินการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะมีความสำคัญมากขึ้น (และยากลำบากมากกว่าเดิม) เนื่องจากข้อมูลมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แฮ็กเกอร์และอาชญากรทางคอมพิวเตอร์ก็มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความเชี่ยวชาญเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

เกี่ยวกับผู้ตอบแบบสอบถาม

ผู้ตอบแบบสอบถามแยกตามอุตสาหกรรม โดยกลุ่มใหญ่ที่สุดมาจากอุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (19.4%), เทคโนโลยี (15.3%), สถาบันการศึกษา (13.3%) และภาครัฐ (11.2%) ส่วนที่เหลือ 40.8% ประกอบด้วยผู้ตอบแบบสอบถามจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งหมด

เกือบครึ่งหนึ่ง (45.5%) เป็นลูกค้าในทวีปอเมริกาเหนือ ขณะที่ 26.7% มาจากเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) และ 25.7% มาจากยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา (EMEA) ผู้ดูแลระบบคิดเป็นสัดส่วน 32% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ขณะที่ 26% เป็นสถาปนิกด้านไอที รองลงมาคือผู้จัดการ (16%) และผู้อำนวยการ (9%)

องค์กรต่างๆ มีรายได้ที่กระจายตัวเป็นอย่างดี โดย 22% มาจากบริษัทที่มีรายได้น้อยกว่า 10 ล้านดอลลาร์ต่อปี, 24% มาจากบริษัทที่มีรายได้ไม่เกิน 100 ล้านดอลลาร์, 23% จากบริษัทที่มีรายได้อยู่ในช่วง 100 ล้านดอลลาร์ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ และ 17% มีรายได้มากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์

บทสรุป: ปี 2562 จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ

เมื่อพิจารณาข้อมูลจากผลการสำรวจและจากการพูดคุยกับลูกค้าในช่วงปีที่ผ่านมา เร้ดแฮทสรุปได้ว่าในปี 2562 จะมีจุดเปลี่ยนสำคัญด้านเทคโนโลยีต่อไปนี้:

  • การสรรหาผู้บริหารฝ่ายดิจิทัลจะไม่ใช่หน้าที่ความรับผิดชอบของผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศ (CIO) เพียงลำพัง แต่ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (CEO) และคณะกรรมการบริหารจะให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้เช่นกัน และจำเป็นที่จะต้องมีการกำหนดกลยุทธ์และแนวทางการลงทุนที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญ
  • คอนเทนเนอร์จะได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้นในทุกองค์กร โดยเป็นผลมาจากความต้องการของนักพัฒนาและความจำเป็นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่าง
    รวดเร็วมากขึ้น
  • กลยุทธ์ที่แยกออกจากกันในเรื่องของระบบที่ติดตั้งในองค์กรและระบบคลาวด์สาธารณะจะถูกผสานรวมเข้าด้วยกัน เนื่องจากองค์กรมีเป้าหมายที่จะพัฒนาไปสู่สถาปัตยกรรมไฮบริดคลาวด์แบบครบวงจรอย่างแท้จริง
  • การรักษาความปลอดภัยคือปัจจัยสำคัญที่ชี้วัด “การอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุด” ทั้งสำหรับองค์กรและผู้จัดการโซลูชั่นไอที

หมายเหตุ: ตัวเลขอาจรวมแล้วไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีการปัดเศษ