อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ กลุ่มธุรกิจที่ให้บริการด้านความคิดสร้างสรรค์ และให้บริการด้านการตลาดอย่างครบวงจร ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจอีเว้นท์ในประเทศเมียนมา ด้วยความเป็นมืออาชีพ และความเชี่ยวชาญมาตรฐานสากล ฟันธง ปีนี้ทิศทางของตลาดอีเว้นท์ในพม่าโตขึ้นแน่นอน เนื่องจากการเติบโตของพื้นที่การจัดงาน อาทิ เช่น พื้นที่แสดงสินค้าและนิทรรศการ โรงแรม ศูนย์การค้า ส่งผลให้อุตสาหกรรม อีเว้นท์ในปีนี้โตขึ้นประมาณ 20 % จากปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน อันดับ 7 ของโลกจัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “อุตสาหกรรมอีเว้นท์ในพม่าแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก โดยแบ่งเป็น 1.อีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง (Event Marketing) 2.Exhibition งานเทรดแฟร์ ประเภทธุรกิจ B2B หรือ B2C และ 3. Entertainment เช่น งานอีเว้นท์ที่เกี่ยวกับไลฟสไตล์ งานคอนเสิร์ต งานเทศกาลต่างๆ หากย้อนไปเมื่อก่อนในพม่าแต่ละปีมีการจัดอีเว้นท์น้อยมาก พื้นที่การจัดงานก็ถูกจำกัดอยู่เฉพาะเมืองใหญ่ ๆ ซึ่งจัดโดยบริษัทท้องถิ่น โดยอีเว้นท์ที่จัดไม่ใช่อีเว้นท์ขนาดใหญ่เหมือนประเทศไทยแต่เป็นการจัดอีเว้นท์ทางศาสนาและเทศกาลสำคัญต่าง ๆ เท่านั้น ทั้งนี้ตลอดปีที่ผ่านมามีเทคโนโลยีใหม่ๆ พฤติกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้ต่างประเทศหันเข้ามาลงทุนในพม่าเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้อุตสาหกรรมอีเว้นท์ในปีนี้มีการเติบโตขึ้นประมาณ 20 % จากปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเห็นได้จากการมีสถานที่ที่รองรับการจัดอีเว้นท์เพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนๆ เช่น พื้นที่แสดงสินค้าและนิทรรศการ (exhibition halls) โรงแรม ศูนย์การค้า และเมื่อเทียบพื้นที่ในการจัดงานของพม่ากับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน พบว่าพม่ายังมีโอกาสขยายตัวของอุตสาหกรรมอีเว้นท์อีกมาก
นอกจากนี้กระแสของยุคดิจิตอลก็เข้ามาส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสิ่งพิมพ์ ทำให้สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ค่อยๆ ทยอยปิดตัวไปทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ หรือธุรกิจที่ผลิตอุปกรณ์เก็บข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดิสก์ แผ่นซีดี หรือแผ่นดีวีดี ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะการเพิ่มขึ้นของระบบการจัดเก็บออนไลน์ หรือ Cloud ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้ถูกใช้น้อยลง และหายไปในที่สุด แต่แน่นอนว่าธุรกิจอีเว้นท์จะยังคงอยู่ เพราะว่า ธุรกิจอีเว้นท์จะเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค นั้นคือ ดิจิ–ไลฟ์–เอ็กซ์พีเรียนส์ (Digi-Live Experience) และในปีนี้อินเด็กซ์ฯ ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย พร้อมสร้างประสบการณ์ร่วม ในรูปแบบของธุรกิจการตลาด การสร้างแบรนด์ดิ้ง (Branding) งานเทรดแฟร์ ความบันเทิงไลฟสไตล์แก่ลูกค้าทั้งในส่วนของภาคเอกชน และรัฐบาล ให้กับลูกค้าอย่างมีเอกลักษณ์ โดยใช้เรื่องของความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) เป็นหลัก
นอกจากนี้บริษัท อินเด็กซ์ฯ เดินหน้าลุยงานธุรกิจการจัดแสดงนิทรรศการ (Exhibition) ชูเทรดแฟร์และงานแสดงสินค้าแบบครบวงจร บุกตลาดพม่าและอาเซียนโดยในปี 2019 นี้จะมี 4 งานหลัก คือ
1. งานแคมโบเดีย อาร์คิเทค แอนด์ เดคคอว์ (Cambodia Architect & Décor) จัดขึ้นในวันที่ 6-8 มิถุนายน 2562 2. งานแบงคอก บิวตี้ โชว์ และ เค บิวตี้ เอ็กซ์โป (Bangkok Beauty Show and K-Beauty Expo) จัดขึ้นในวันที่ 11-13 กรกฎาคม 2562
3. งานเมียนมา ฟู้ด เบฟ (Myanmar FoodBev) งานแสดงสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม ควบคู่กับ งานเมียนมา รีเทล ซอสซิ่ง เอ็กซ์โป (Myanmar Retail Sourcing Expo) งานแสดงสินค้ากลุ่มธุรกิจรีเทล รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ในร้านค้าอย่างครบวงจร ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 15-17 สิงหาคม 2562 และ
4. งานเมียนมา บิวท์ แอนด์ เดคคอว์ (Myanmar Build & Decor) งานแสดงสินค้านวัตกรรม และเทคโนโลยีกลุ่มธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และการตกแต่งภายใน จัดขึ้นในวันที่ 3-5 ตุลาคม 2562
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากการชูกลยุทธ์สร้างแพลตฟอร์มที่แตกต่างเพื่อเจาะกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในรูปแบบของโมเดลเทรดแฟร์ (Modern Trade Fair) เพื่อหนุนการเติบโตธุรกิจในพม่าและระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกทำให้เศรษฐกิจพม่าและอาเซียนเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงยังเรียกความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ และนักลงทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี”