MC ลงทุนสร้างแบรนด์และขยายจุดจำหน่ายต่อเนื่องด้วยเป้า 1,000 จุดขายใน 2 ปี

บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (“MC” หรือ “บริษัทฯ”) ประกาศกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรก (กรกฎาคม-ธันวาคม 2561) 284 ล้านบาท เทียบเท่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มจาก 53.8% เป็น 57.9% และอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นจาก 13.4% เป็น 14.7% แม้ยอดขายรวมปรับตัวลดลง 8.2% มาอยู่ที่ 1,914ล้านบาท ตามกลยุทธ์การบริหารราคาและส่วนลดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กดดันวงการค้าปลีกในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จำนวน 0.35 บาทต่อหุ้น

สำหรับไตรมาส 2 ของปีบัญชี 2562 (ตุลาคม –  ธันวาคม 2561) บริษัทมีรายได้รวม 1,099 ล้านบาทลดลง 7.9% ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจาก 54.3% เป็น 56.4% และอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นจาก 16.3% เป็น 17.0% รวมเป็นกำไรสุทธิสำหรับงวดที่ 190ล้านบาท [หมายเหตุ บริษัทฯเปลี่ยนรอบบัญชีจากเดิม วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 มิถุนายนของปีถัดไป เริ่มตั้งแต่งวดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30มิถุนายน 2561)

คุณสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า “การเติบโตของเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังคงพึ่งพาภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองของชาติมหาอำนาจและการลดลงของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากนี้ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกยังมีอัตราการเติบโตต่ำกว่าจีดีพีของประเทศนับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา และในครึ่งปีแรกของปีปฏิทิน 2562 นี้ภาพรวมที่ส่งผลโดยตรงกับการค้าและการลงทุนยังเป็นเรื่องของเสถียรภาพทางการเมืองหลังเลือกตั้ง ตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP)  ภาคการส่งออกและการลงทุนของภาครัฐ การท่องเที่ยว ราคาสินค้าเกษตร และหนี้สินครัวเรือนอยู่ที่อัตรา 78%  เทียบกับจีดีพีโดยปรับตัวสูงขึ้นจากสินเชื่อยานพาหนะ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อบุคคลเป็นหลัก “

“ทั้งนี้บริษัทฯยังคงลงทุนต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืนในระยะยาวและความสามารถในการแข่งขันเมื่อตลาดค้าปลีกฟื้นตัวอีกครั้ง โดยบริษัทฯมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตราสินค้าของบริษัทฯทั้ง 3 กลุ่มสินค้า อันได้แก่ สินค้ากลุ่มยีนส์ (Denim) ภายใต้แบรนด์ ‘Mc Jeans’  ผ่านคอลเลคชั่นเซลเวจ (Selvedge) หรือกางเกงยีนส์ริมแดง ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ผลิตจากผ้าทอหน้าแคบที่มีการควบคุมคุณภาพสูงกว่าผ้าทอทั่วไปและมีการเย็บริมขอบผ้าด้วยด้ายสีเพื่อให้ผ้ามีความทนทาน ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความพรีเมี่ยมในวงการยีนส์ สินค้า Non-denim หรือ Casual wear นำโดยน้องใหม่  ‘U-P’(ยู-พี) ด้วยคอลเลคชั่นที่สองภายหลังการเปิดตัวปลายปี 2561 ในแนว Monochrome และ Pastel เหมาะกับผู้ที่ชอบแต่งตัว Sport casual ที่คุมโทนแบบสีเดียวทั้งลุค หรือคนที่ชอบโทนสีพาสเทลที่ดูสดใส สบายตา ในขณะที่สินค้า Fashion Accessories รวมทั้ง Personal care มียอดขายเติบโตต่อเนื่อง และยังคงพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตรงใจและสอดคล้องไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคต่อไป”

คุณบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชีและผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯมีแผนเพิ่มยอดขายต่อร้านเดิม (Same Store Sales) ที่ยั่งยืน ด้วย 1) การสร้างมูลค่าเพิ่มและการรับรู้ของตราสินค้า ด้วยการสร้างความแตกต่างในความเป็น Authentic Jeans ซึ่งเป็น DNA ของแม็ค ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด กว่า 20 ล้านบาทซึ่งเป็นส่วนเพิ่มจากค่าใช้จ่ายงบประมาณการตลาดที่ทำผ่านจุดจำหน่ายในรูปแบบ Gift with Purchase กิจกรรมร่วมสนุกและส่วนลดพิเศษ รวมกว่า 200 ล้านบาทต่อปี 2) การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับกระแสสังคมและผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งที่เป็นนวัตกรรมใหม่และคอลเลคชั่นพิเศษเช่น โปรเจ็กต์ ‘Mc X’ ที่นำเสนอคอลเลคชั่น ‘Black Valentines by Mc X Jindachot’  กับสองพี่น้องจินดาโชติ (คุณพลอย และคุณฌอห์น จินดาโชติ) และ 3) ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Customer relationship management) การต่อยอดจากสมาชิก MC Club ที่มากกว่า 650,000 คน (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561) ที่บริษัทฯยังคงเดินหน้าเพิ่มฐ านสมาชิกจากกลุ่มลูกค้าแม็คกรุ๊ปและจากกลุ่มใหม่ ซึ่งคาดว่าจะถึง 1 ล้านคนภายในหนึ่งปี โดยไตรมาสนี้จะเริ่มนำ Mobile Application เข้ามาใช้งานเพื่อให้สามารถสื่อสารและนำเสนอ campaign ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างต่อเนื่องตลอดจนเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงข่าวสารได้ทุกที่ทุกเวลา”

“สำหรับกลยุทธ์ Omni channel ที่เป็นการเชื่อมต่อทุกช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทฯได้วางแผนขยายจุดขายเพิ่มกว่า 40 จุดในอีก 12 เดือนและคาดว่าจะถึง 1,000 จุดภายในสองปีข้างหน้า ผ่านร้านค้า ‘Mc’ และ ‘mcmc Outlet Store’ ที่อยู่ภายในและภายนอกปั๊มน้ำมันปตท. ตลอดจนการพัฒนาช่องทาง Online marketplace คือ ‘mcshop.com’ โดยเพิ่มการสรรหาสินค้าภายใต้แบรนด์ชั้นนำระดับโลกของพันธมิตรรายอื่นๆที่เป็นที่นิยมของคนไทยเข้ามานำเสนอต่อฐานลูกค้าหลายล้านคนของแม็คกรุ๊ป โดยบริษัทฯได้เข้าลงทุนในธุรกิจ ‘Mcmillion’ ซึ่งเป็นผู้บริหารคลังสินค้าและการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจ  E-commerce เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวและลดระยะเวลาการจัดส่งสินค้าสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ให้สั้นที่สุด”

คุณบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า“บริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.35 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้บริษัทได้กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD (Ex-dividend date) ในวันที่ 1 มีนาคม 2562 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 มีนาคม 2562 ”

บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารการจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า (“แบรนด์”) ของกลุ่มบริษัทเป็นหลัก โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่าย ในปัจจุบันแบรนด์ของกลุ่มบริษัทประกอบด้วย แบรนด์ Mc, Mc Lady, McT, U-P และ M&C ซึ่งแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นและดีไซน์ที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้แล้ว กลุ่มบริษัทมีการจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ทั่วไป ผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายของ บริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทได้เข้าลงทุนและถือหุ้นอยู่ 51%

โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 บมจ. แม็คกรุ๊ป จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายรวม 927 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศไทย913 แห่งและต่างประเทศ 14 แห่ง