การปรับตัวของภาคธุรกิจโดยใช้ เทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุน นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะสามารถสร้างความเข้มแข็ งให้กับองค์กร และเป็นส่วนหนึ่งของการเสริ มความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิ จในระดับประเทศ องค์กรที่นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ และประสบความสำเร็จ จึงเป็นกรณีศึกษาที่ดี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ-อุ ตสาหกรรมประเภทไหนก็ตาม
เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมส่งออกที่ สำคัญของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้ อมทั้งวัตถุดิบ แรงงาน และเทคโนโลยีแปรรูป ที่สามารถเชื่อมโยงเข้ากับอุ ตสาหกรรมเกษตรแบบดั้งเดิมได้ ดังนั้น เมื่อประเทศขับเคลื่อนผ่านยุค 3.0 และก้าวเข้าสู่ Thailand 4.0 อุตสาหกรรมอาหารจึงเป็นหนึ่ งในอุตสาหกรรมที่ภาครัฐสนับสนุ นผลักดัน เพิ่มขีดความสามารถให้แข่งกั บตลาดโลกได้
วรพงษ์ จีระประภาพงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายผลิต บริษัท วี แอนด์ พี เฟร็ช ฟูดส์ จำกัด ในเครือ บริษัท วีพีเอฟ กรุ๊ป 1973 ผู้จำหน่ายเนื้อสุกรตัดแต่ง แช่เย็น-แช่แข็ง ครบวงจรที่ได้รั บมาตรฐานความปลอดภัยด้ านอาหารและการส่งออก เปิดเผยถึงการนำเทคโนโลยีมาช่ วยปรับใช้ในธุรกิจว่า “จุดเริ่มต้นของเครือ บริษัท วีพีเอฟ กรุ๊ป มาจากเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรที่มี พ่อพันธุ์ 1 ตัวแม่พันธุ์เพียง 4 ตัว ในปี พ.ศ. 2016 จนกระทั่งในปัจจุบัน เรามีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ถึง 12,000 ตัว ธุรกิจของเราเรียกได้ว่าเป็นผู้ ผลิตและผู้จำหน่ายเนื้อสุกรตั ดแต่งครบวงจร เรามีฟาร์มเพาะเลี้ยงสุกรบนพื้ นที่กว่า 1,000 ไร่ มีโรงงานผลิตอาหารสัตว์ มีโรงเชือดสุกรและแปรรูปเป็นผลิ ตภัณฑ์เนื้อสุกรแช่เย็น-แช่แข็ง และร้านค้าจำหน่ายเนื้อสุ กรรวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ 13 สาขาทั่วเชียงใหม่”
“จุดแข็งของเราคือเรื่องของ Food Safety ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดั บโลก อาหารทุกจานที่มาจากเรา สามารถสืบต่อย้อนกลับไปได้ว่า มาจากฟาร์มสาขาไหน ผลิตเมื่อไหร่ นอกจากนี้ เรายัง มุ่งเน้นดำเนินธุรกิจที่ควบคู่ กับการดูแลสิ่งแวดล้อมโดยผลักดั นชุมชนที่อยู่ร่วมกับเราให้มีคุ ณภาพชีวิตที่ดี และปฏิบัติงานโดยคำนึงถึงคุ ณภาพในทุกกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้คุณค่าที่เหนือกว่ ามาตรฐานและพร้อมส่งต่อให้กับผู้ บริโภค“
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วีพีเอฟ กรุ๊ป ได้เรียนรู้ และมีการนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ๆ จากทั้งในและนอกประเทศ เพื่อพัฒนาธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่ ง ถือเป็นการเรียนรู้ในรูปแบบ Learning by Doing ที่องค์กรได้ปรับเปลี่ยนตั วเองให้ทันต่อเทคโนโลยีอยู่ เสมอ
“เราใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่ วนหนึ่งในการเลี้ยงสุ กรมานานพอสมควร เริ่มจากระบบในฟาร์ม โดยปรับรูปแบบจากการใช้ แรงงานคนมาเป็น Automatic Feed Line คือระบบการจ่ายอาหารจากจุดเดียว ไปยังกว่า 20 โรงเรือน ซึ่งทำให้สามารถเลี้ยงสุกรได้ ประมาณ 20,000 ตัว แบบอัตโนมัติ ซึ่งต่อมาได้นำเทคโนโลยีเข้ ามาบริหารจัดการตั้งแต่ทรั พยากรบุคคล ไปจนถึงการใช้ทรัพยากรทั้ งหมดภายในฟาร์ม อาทิ ระบบจัดการของเสียเช่น Biogas สร้างเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้ าจากแก๊สชีวภาพเพื่อใช้ในโรงเลี้ ยงสุกร ระบบ Evaporative cooling pad เป็นระบบโรงเรือนที่ให้ความเย็ นและการรักษาอุณหภูมิแก่สุกร เป็นต้น”
ระบบบริหารจัดการในเรื่องฟาร์ มของวีพีเอฟ กรุ๊ป ทำให้สามารถลดต้นทุนในการผลิต และได้รับการรั บรองมาตรฐานการผลิตจากทั้ งในและต่างประเทศ
“การนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ นอกจากการควบคุมมาตรฐานการผลิ ตได้แล้ว การเชื่อมโยงข้อมูลกับต่ างประเทศก็สะดวกยิ่งขึ้น จากเดิมเวลาที่เคยมีปัญหาแล้วต่ างประเทศต้องบินมาแก้ไข ปัจจุบันก็สามารถคอนโทรลได้ด้ วยการรีโมทระยะไกลได้เป็นต้น นอกจากนี้ เรายังสามารถเก็บข้อมูล เก็บสถิติที่เกี่ยวข้องทุกอย่ างไว้ และนำระบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น WMS การบริหารระบบคลังสินค้าทั่วไป ระบบ Back Office ระบบบัญชี ระบบการบริหารจัดการในส่วนต่างๆ เข้ามาเชื่อมโยงข้อมูลกัน เป็น Big Data เพื่อนำมาวิเคราะห์ตามกระบวนการ เป็น Big Data Analytics ภายหลัง”
“ระบบซัพพอร์ตการทำงานในแผนกต่ างๆ ของ วีพีเอฟ กรุ๊ป เปรียบเสมือนอาคารแต่ละอาคารที่ มีการทำงานที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่จะเชื่อมต่ออาคารเหล่ านั้นได้คือถนน บริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสู งจาก CAT ที่เราใช้บริการอยู่ เปรียบเสมือนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลที่มี ประสิทธิภาพ มีเสถียรภาพสูง ทำให้การทรานเฟอร์ข้อมูลที่มี ขนาดใหญ่และมีความเรียลไทม์สู งจึงเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิ จของเรา ทำให้เราสามารถบริหารจัดการ รันระบบ รันโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว”
“ปัจจุบันแม้เราเป็น Smart Farm ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เราจะไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้ อย่างแน่นอน โดยเราได้พยายามผลักดันวีพี เอฟกรุ๊ป ให้เป็นธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิ ตการเลี้ยงสุกรครบวงจรอันดับต้ นๆ ของประเทศ ซึ่งในอนาคต เราจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามายกระดับอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์ IoT, Big Data , Business Intelligence โดยมุ่งหวังให้ผู้บริโภค ได้รับคุณค่าที่เหนือกว่ ามาตรฐาน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับผู้บริโภคทั้ งในประเทศและทั่วโลก อย่างยั่งยืน”