เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ กับงาน “Galaxy Unpacked 2019” การเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงตระกูล S ที่เวียนมาครบทศวรรษ ณ เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา “ซัมซุง ประเทศไทย” ได้จัดงานให้บรรดาสื่อมวลชนและบล็อกเกอร์ได้สัมผัสของจริง พร้อมประกาศราคาและไทม์ไลน์การวางขาย
แต่ดูเหมือนว่า ถ้าใครที่ดูงานเปิดตัวอาจจะไม่สร้างว้าวและความแปลกใจนัก เพราะหลุดมาล่วงหน้ากันครบทั้ง “รูปและสเปก” จะว่าไปก็คล้ายกับรุ่นก่อนหน้านี้ “Galaxy S9” ที่หลุดออกมาก่อนหน้า จนแทบทำให้งานเปิดตัวจริงจืดไปเลย
แต่ก็ยังโชคดีที่มี “Samsung Galaxy Fold” (กาแลคซี่ โฟลด์) สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ ที่ช่วยทำให้งานมีสีสันขึ้นมา งานนี้แว่วๆ ว่าอาจไม่ได้เข้ามาขายในเมืองไทยพร้อมกับรุ่นอื่นๆ และเมื่อเข้ามาอาจจะมีแค่หลัก “ร้อย” เครื่อง สนนราคาเริ่มต้นเบาๆ 70,000 บาทขึ้นไป เพราะแค่ราคาเปิดตัวก็ 1,980 เหรียญสหรัฐ หรือราว 62,000 บาทเข้าไปแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Gadget อื่นๆ ได้แก่ Galaxy Watch Active (กาแลคซี่ วอทช์ แอคทีฟ) Galaxy Fit/Galaxy Fit e (กาแลคซี่ ฟิต/กาแลคซี่ ฟิต อี) และ Galaxy Buds (กาแลคซี่ บัดส์)
สำหรับในเมืองไทย ก่อนที่จะอธิบายลักษณะของสมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ “พรรณี ศานติวิวัฒน์กุล” ผู้จัดการอาวุโสการตลาดผลิตภัณฑ์ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บอกว่า แนวทางการพัฒนาสินค้าของซัมซุงประกอบไปด้วย 3 ข้อ
- ผู้นำนวัตกรรม ที่ต้องตอบโจทย์ผู้ใช้งานและช่วยให้ชีวิตดีขึ้นตั้งแต่กระบวนการคิด การสร้างทุกครั้งต้องย้อนกลับไปหาผู้ใช้งาน
- ต้องรองรับนวัตกรรมในอนาคต ไม่ใช่ไล่ตามนวัตกรรมที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งจุดนี้ซัมซุงบอกว่าตัวเองแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
- สร้างแรงบันดาลใจ ซัมซุงพยายามโปรโมทสินค้า ผ่านการเล่าเรื่องของผู้ใช้จริงและสร้างขึ้นเอง ทั้งการสร้างเรื่องราวและแชร์คอนเทนต์ โดยมุ่งเจาะไปที่กลุ่มมิลเลนเนียม ที่กำลังสนใจการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการทำวิดีโอหรือไลฟ์
โดยการออกแบบ Galaxy S10 จะอิงไปกับเทรด์ผู้บริโภค เริ่มด้วยเทรนด์การส่งวิดีโอผ่านโทรศัพม์มือถือ ซึ่งความเร็วของอินเทอร์เน็ตพัฒนามาถึง 4G แล้ว ดังนั้นเทรนด์แรกที่จะกล่าวถึงหน้าจอและวิดีโอ ด้วยวันนี้ดีไวซ์และเน็ตเวิร์กตามผู้บริโภคทันแล้ว ต่อไปจึงเป็นเรื่องของคอนเทนต์ ที่สมาร์ทโฟนรุ่นต่อไปต้องสามารถทำคอนเทนต์ได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะการทำวิดีโอ เห็นได้จากแอปพลิเคชั่นวิดีโอที่ได้รับความนิยมจากคนใช้ ทั้ง Snapchat หรือ Tik Tok
ขณะเดียวกันผู้บริโภคมีแนวโน้มต้องการพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่แล้วสมาร์ทโฟนมักจะให้เริ่มต้นที่ 64GB อดีตต้องเป็นเรือธงเท่านั้นที่จะได้ แต่วันนี้กำเงินไปซื้อในราคา 6,000 บาท ก็ได้มาแล้ว ส่วนพื้นที่สูงสุดอยู่ที่ 512GB นอกจากนี้การพัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต้องไปคู่กัน ไม่ใช่เอาซอฟต์แวร์มาเป็นแค่กิมมิกเท่านั้น
“ตอนที่ Galaxy S รุ่นแรกออกมา ถือเป็นรุ่นที่วางรากฐานให้กับสมาร์ทโฟนอีก 10 ปีต่อมาของซัมซุง ดังนั้นรุ่นที่ 10 นี้ ซัมซุงก็คาดหวังให้เป็นรุ่นต้นแบบไปอีก 10 ปีข้างหน้า โดยซัมซุงไม่ได้มองคู่แข่งเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนด้วยกันอีกแล้ว เพราะเท่าที่เห็นคู่แข่งยังไม่สามารถก้าวข้าม 10 ปีที่ผ่านมาของซัมซุงได้เลย”
ซัมซุงพูดย้ำหลายครั้งว่า ซังซุงไม่ได้มองคู่แข่งเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนด้วยกันอีกแล้ว เพราะการออกแบบ “Galaxy S10” ถูกยกไปเทียบกับคู่แข่งที่อยู่นอกอุตสาหกรรมไปแล้ว เช่น จอไปเทียบกับ “ทีวี” ที่สามารถทำหน้าจอคมชัด ในราคาที่ไม่ได้แพงมาก จึงได้ใส่จอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED แบบ Infitity ชิดขอบ รองรับการแสดงผลระดับ HDR10+
กล้องไปเทียบกับ “DSLR” ซึ่งหลักๆ แล้วผู้บริโภคมักจะใช้งานอยู่ 3 รูปแบบคือ ภาพทั่วไป คน และวิว ในรุ่นนี้จึงใส่กล้องมาให้ถึง 3 ตัวได้แก่ เลนส์ Wide Angle 12 ล้านพิกเซล, Ultra Wide 16 ล้านพิกเซล และ เลนส์ Telephoto 12 ล้านพิกเซล รองรับแต่ละด้านมีโหลดปรับแสงอัตโนมัติด้วย
การถ่ายวิดีโอซึ่งเป็นเทรนด์ของคนยุคนี้ ซัมซุงก็พัฒนาเทียบกับ “Action Camera” โดยพัฒนาให้สามารถบันทึกวิดีโอ 4K แบบ Super Steady ด้วยเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหวระบบดิจิทัล มีเลนส์ Ultra Wide สามารถเก็บภาพมุมกว้างได้ถึง 123 องศา
นอกจากนี้ไฮไลต์เด่นๆ ก็เช่น PowerShare แบบไร้สาย สามารถแชร์แบตเตอรี่ให้ดีไวซ์อื่นๆ แบบไร้สาย ให้กับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ที่รองรับ Qi และ รองรับรองรับมาตรฐาน Wi-Fi 6 เป็นต้น
สำหรับรุ่นที่วางขายในเมืองไทยมี 3 รุ่นได้แก่ Galaxy S10e, Galaxy S10 จอ 6.1 นิ้วและ Galaxy S10+ จอ 6.4 นิ้ว มีให้เลือก 6 สีเฉพาะรุ่น Galaxy S10+ จะมีสีพรีเมียมแบบใหม่ให้เลือกเพิ่มเติมอีก 2 สี คือ สีดำ Ceramic Black และสีขาว Ceramic White
เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 8 มีนาคม 2019 เป็นต้นไป Galaxy S10e ราคา 26,900 บาท, Galaxy S10 ราคา 31,900 บาท และ Galaxy S10 ราคา 35,900-55,900 บาท ก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซังซุงให้เปิดให้จองเครื่องโดยที่ยังไม่ได้ทราบสเปก โดยพบว่า มีผู้ให้ความสนใจจองเครื่องเข้ามาแล้ว 26,000 เครื่อง.