แม้ “มาม่า” จะครองบัลลังก์ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 16,000 ล้านบาท ด้วยส่วนแบ่งตลาด 47-48% หากโจทย์ใหญ่ที่กำลังเจอ คือ การเติบโตเริ่มลดน้อยถอยลง และโอกาสที่จะผลักดันให้ตลาดรวมเติบโตมากเหมือนในอดีตคงยาก
เพราะข้อมูลของสมาคมผู้ประกอบการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโลกรายงานว่า ปัจจุบันคนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากเป็นอันดับ 9 ของโลก เฉลี่ยคนละ 49 ซองต่อปี (อ้างอิง : World Instant Noodle Association) การจะเข็นให้เพิ่มไปมากกว่านี้เป็นไปได้ยาก เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกใหม่ๆ มากขึ้น
ที่ผ่านมาการดันยอดขายให้เติบโตต้องพึ่งการออก “รสชาติใหม่” เป็นหลัก ด้วยสามารถกระตุ้นยอดขายได้สูงถึง 30-40% หากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นการเดินเกมออกรสชาติ “แมส” อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีพอ ท่ามกลางความอ่อนไหวเช่นนี้
ปลายปีที่ผ่านมา “มาม่า” จึงเปลี่ยนเกมเสียใหม่ เพราะการออกรสชาติ “ผัดไข่เค็ม” ภายใต้ซับแบรนด์ “ออเรียนทัลคิตเชน” ที่ถูกวางให้ในระดับพรีเมียมขายราคาซองละ 15 บาท สูงกว่าซองปรกติมากกว่าเท่าตัวที่ขายเพียงซองละ 6 บาท
เหตุที่บอกว่า เปลี่ยนเกมเพราะ “รสผัดไข่เค็ม” ไม่ได้วางขายเหมือนช่องทางทั่วไป แต่เป็นสินค้า Limited Edition มีขายเฉพาะ Online ใน Sahapat Delivery เท่านั้น โดยใช้ช่วงแรกมาม่าใช้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ในการสร้างกระแส เช่นเพจอีเจี๊ยบ เลียบด่วน จนก่อให้เกิดความต้องการซื้อสูง ถึงขนาดที่ช่วงแรกสินค้าหมด และต่อมาต้องจำกัดการซื้อเลยทีเดียว
ถือเป็นการโยนหินถามทาง เพื่อดูกระแสตอบรับก่อนที่จะผลิตในจำนวนที่เยอะขึ้น และดูเหมือนว่าแนวโน้มของ “รสผัดไข่เค็ม” จะไปได้ดี ทำให้มาม่าตัดสินใจมาวางขายในช่องทางออฟไลน์บ้าง
แต่ครั้งนี้มาม่าไม่ได้ทำแบบเดิมอีกแล้ว เพราะช่องทางในร้านสะดวกซื้อ ที่เป็นช่องทางหลักในการขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่ากลับเลือกวางขายเฉพาะ “ลอว์สัน 108” ทั้งหมด 119 สาขา ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
“ลอว์สัน 108” คือร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นที่ “สหพัฒน์” บริษัทแม่ของมาม่า ได้ร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่นในการบุกตลาดไทยมาได้ 5 ปีแล้ว แต่การที่มาทีหลังทำให้ “ลอว์สัน 108” ถูกเจ้าตลาดยึดทำเลทองไปหมดแล้ว จนต้องวางแผนออกไปขายต่างจังหวัด
และดูเหมือนว่าจะไปไม่ค่อยดีมาก สุดท้ายต้นปี 2018 “ลอว์สัน 108” ได้ประกาศแผนใหม่ ตัดสินใจเบรกขยายสาขาในต่างหวัด หันกลับมาโฟกัส “ทำเลใจกลางกรุงเทพฯ” เน้นออฟฟิศใจกลางเมือง เพื่อเจาะกลุ่มคนทำงาน
ในวันนั้นผู้บริหารได้ยอมรับว่า สู้กับเบอร์หนึ่งได้ค่อนข้างยาก เพราะทำตลาดเก่งมาก ทั้งจำนวนสาขาเยอะ การซีนเนอร์ยีกับเครือ ดังนั้นการออกจำเพาะต้องการขายใน “ลอว์สัน 108” นอกเหนือจากการทดลองตลาด เพิ่มกิมมิกในการดึงคนให้เข้ามาที่ร้าน
เชื่อว่า “สหพัฒน์” กำลังทดลอง “การซีนเนอร์ยีกับเครือ” เช่นเดียวกันเป็นแน่แท้ ถ้าสินค้านี้ประสบความสำเร็จ ต่อไปอาจจะได้เห็น “มาม่า” รสชาติที่วางขายเฉพาะ “ลอว์สัน 108” โดยไม่ไปขายช่องทางอื่นก็ได้ ใครจะไปรู้
แต่ก่อนอื่นคงต้องไปปั๊มสาขาให้มากเสียก่อน เพราะ 119 สาขาที่มีคงสู้กับ “10,988 สาขา” ของเบอร์หนึ่งชนิดหืดขึ้นคอแน่นอน.