บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) ประกาศผลดำเนินงานปี 2561 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561) มีรายได้รวม 4,546.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.37% เมื่อเทียบจากปี 2560 และมีผลกำไรสุทธิ 305.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.16% โดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.31 บาท พร้อมเผยปีนี้วางเปิดตัว 4 โครงการ ชูแนวคิด Well-Being เพื่อผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น มูลค่ารวม 4,560 ล้านบาท เตรียมงบซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1,600 ล้านบาท ย้ำเดินหน้าดำเนินธุรกิจอสังหาเพื่อเช่าและการบริการ อย่างต่อเนื่อง หวังปี 2564 ดันสัดส่วนกำไรเป็น 50/50 เพื่อการเติบโตของบริษัทอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย เพื่อเช่าและเพื่อการบริการ เผยภาพรวมธุรกิจตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2562 จะเติบโตจากปีที่ผ่านมาแบบค่อยเป็นค่อยไป (Slightly growth) เนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์มีการพัฒนาสินค้าออกมาเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้สินค้าที่มีอยู่ในตลาดต้องค่อยๆ รอการระบายออก (Absorb) ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องของฟองสบู่ แต่เป็นเรื่องของดีมานด์ (Demand) กับซัพพลาย (Supply) ที่ถือเป็นเรื่องปกติ รวมถึงมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ LTV ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายนนี้ นับเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ โดยในส่วนของ มั่นคงฯ ค่อนข้างมีผลกระทบน้อย เนื่องด้วยกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรกที่ซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเอง (Real demand)
“การเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี ผนวกกับงานด้านการพัฒนาโครงการเพื่อเช่าและเพื่อการบริการที่สร้างรายได้หมุนเวียนระยะยาวนั้นเป็นไปตามแผนที่ได้วางเอาไว้ จึงยิ่งส่งผลให้เราสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันจากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันต่างหันมาให้ความสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพตัวเองกันมากขึ้น (Wellness) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยดูแลสุขภาพในทุกๆด้าน เน้นการใช้ชีวิตในแบบสุขภาวะที่ดี (Well-Being) คือ การสร้างคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีระหว่างสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจสำคัญที่เรานำมาเป็นโจทย์ในการพัฒนาสินค้าและบริการตลอดมาเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้บริโภค”
โดยปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,546.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,482.31 ล้านบาท หรือ 48.37% คิดเป็นกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.31 บาท สามารถแบ่งเป็นรายละเอียดได้ดังนี้ รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4,152.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,387.60 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50.18% ในขณะที่ยอดรายได้รับรู้จากการให้เช่าและบริการ ในปี 2561 มีทั้งสิ้น 252.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.24 ล้านบาท หรือ 28.71% ส่วนรายได้จากการให้บริการของสนามกอล์ฟ 109.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.98 ล้านบาท หรือ 34.4%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการในปี 2562 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถ ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัยทั้งเพื่อขาย เพื่อเช่าและการบริการอย่างต่อเนื่อง ตามแผนธุรกิจ 5 ปีที่ได้วางไว้ โดยเตรียมเปิดตัวโครงการเพื่อขายใหม่จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ บ้านแฝด 1 โครงการ และทาวน์โฮม 2 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,560 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “การใช้ชีวิตในแบบสุขภาวะที่ดี หรือ Well-Being” เน้นการออกแบบโดยคำนึงถึงสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัย ใส่ใจตั้งแต่การวางผังโครงการให้สอดคล้องกับทิศทางลม เพื่อช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงาน การเลือกใช้วัสดุ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การนำนวัตกรรมบ้านเย็นด้วยระบบ Air Flow มาใช้ ตลอดจนการวางฟังก์ชั่นที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในกลุ่มคนทุกวัยเป็นสำคัญ เพื่อให้ทุกพื้นเป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ทุกคนได้อยู่ร่วมกัน
ด้านธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการนั้น นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่าในปี 2562 บริษัทฯ เตรียมรุกตลาดธุรกิจเช่าและการบริการ โดยมีแผนพัฒนาโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนโรงงานและคลังสินค้าเพื่อเช่า ที่บริหารงานโดย บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพิ่มขึ้นเป็น 173,500 ตารางเมตร ส่วน โครงการ พาร์ค คอร์ท (Park Court) สุขุมวิท 77 คอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ ที่สามารถขายและปล่อยเช่าได้แล้วเกือบ 50% ตั้งเป้าปล่อยเช่าเต็มพื้นที่ 100% ได้ภายในปี 2562 ขณะเดียวกัน ธุรกิจ สนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ ที่หลังจากได้มีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบที่ดีจากลูกค้าทั้งจากชาวไทยและชาวต่างประเทศคาดการณ์ปีนี้รายได้โตขึ้น 10% ด้านบริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านดูแลจัดการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ พร้อมรับบริหารโครงการเพิ่ม 10 โครงการ ตั้งเป้ารายได้โตขึ้น 70% จากปี 2561
“ปีนี้เราเดินหน้าสานต่อนโยบายสร้างความสมดุลของรายได้ธุรกิจเพื่อขายและธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอทั้งเช่าและการบริการมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีเพิ่มขึ้น เพื่อขยายในส่วนของธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ตามแผนการดำเนินธุรกิจ 5 ปีที่ได้วางไว้ พร้อมขยับสัดส่วนกำไรของทั้ง 2 ฝั่งให้อยู่ที่ 50/50 ภายในปี 2564 เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นคงให้บริษัทฯ มากยิ่งขึ้น” นายสุเทพ กล่าวสรุป