“ตลาดเครื่องดื่ม” เป็นอีกตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก หากรวมทุกหมวดหมู่ (Category) น้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เกลือแร่ เครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Functional Drink) มูลค่ามหาศาลไม่ต่ำกว่า 2.3 แสนล้านบาท
และเป็นธรรมดาเมื่อฤดูร้อนมาเยือนอย่างเร็ว ตลาดเครื่องดื่มจึง “ระอุ” แบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ระดมกลยุทธ์การทำตลาดแข่งกันเพื่อแย่งส่วนแบ่งทางทางการตลาดให้ได้มากสุดในช่วง High Season
สำรวจตลาด ส่องตู้แช่ผ่านช่องทางจำหน่ายสำคัญ เช่นร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” เห็นการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจมากน้อยแตกต่างกันออกไป แต่ที่สะดุดตาคือก้าวย่างของแบรนด์ใหญ่ “เนสท์เล่ เพียวไลฟ์” ที่ขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าให้มีความวาไรตี้ ไม่หยุดอยู่แค่ “น้ำดื่ม”
ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ว่าคือเครื่องดื่มชนิดมีฟอง หรือ Sparkling Water ที่มาพร้อม 2 รสชาติ ได้แก่ กลิ่นแอปเปิล และกลิ่นมิกซ์เบอร์รี่ นับเป็นการเพิ่ม Gimick ในการบริโภคเครื่องดื่มมากขึ้น ส่วนขนาดสินค้ามีเพียงไซส์เดียวคือ 340 มิลลิิตร (มล.) ราคาขาย 14 บาท วางจำหน่ายที่เซเว่นอีเลฟเว่นเป็นช่องทางแรกเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562
ส่วนการทำตลาด แบรนด์ได้แอคชั่นชิมลางโพสต์คอนเทนต์ลงบนเพจเฟซบุ๊กของแบรนด์ กระแสตอบรับมีทั้งเชิง “บวก” และ “ลบ”
กระแสบวก เสียงจากผู้บริโภครับรู้ชัดว่าผลิตมาเพื่อตอบโจทย์ “สุขภาพ” เพราะ “ไม่น้ำตาล” พลังงาน 0 แคลอรี ตรงกับวัตถุประสงค์ของแบรนด์ที่ต้องการให้เครื่องดื่มทางเลือกที่ “ดื่มได้บ่อย” โดยไม่ต้องกังวลผลกระทบด้านสุขภาพ กระแสตรงข้ามมีทั้งเรื่องราคา รสชาติ ความซ่า กลิ่น เกิดจากความคุ้นลิ้นชินรสชาติ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสินค้าดังกล่าว ยังไม่ตอบจริตการบริโภคของคนไทยในวงกว้าง เพราะแบรนด์ระดับโลก “อควาฟิน่า วิตซ่า” ของค่ายเป๊ปซี่ ทำตลาดมานานกว่า 2 ปี ถือว่าไม่ได้สร้างความว้าว! เท่าที่ควร
แต่ถามว่า “โอกาส” ทางการตลาดมีไหม หากวิเคราะห์ “Trend” แบรนด์ดังในโลกต่างตบเท้าเข็นสินค้านวัตกรรม “เครื่องดื่มไร้สี” (Clear Drink) เข้าสู่ตลาดอย่างคึกคัก ลองเมียงมองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียอย่าง “ญี่ปุ่น” มีเครื่องดื่มใสไร้สียึดชั้นวางสินค้า (เชลฟ์) ให้เลือกสรรจำนวนมาก เช่น โคคา-โคล่า เคลียร์ น้ำเปล่ารสชา น้ำเปล่ารสเบียร์ เป็นต้น
ผู้บริโภครักสุขภาพไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นสิ่งที่ตระหนักมากขึ้น หากมีสินค้าใหม่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ยังต้องการเครื่องดื่มอัดก๊าซไม่หวาน ทดแทนน้ำอัดลมได้ หาก Trend ดังกล่าวมาถึงไทย แบรนด์ที่ปูทางไว้ “เร็วกว่า” คู่แข่ง ย่อมมีโอกาสทำเงิน ชิงส่วนแบ่งตลาดได้ก่อนคู่แข่ง
สำหรับเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ สปาร์คกลิ้ง ใหม่ในไทย แต่ในระดับโลกสินค้าได้ Launch ตั้งแต่ปี 2010 ความหลากหลายของรสชาติ 6 รส อยู่ในบรรจุภัณฑ์ขวด PET และกระป๋อง (Can)
อย่างไรก็ดี หากพูดถึงแบรนด์เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ผลิตภัณฑ์หลักที่ทำตลาดอยู่มีเพียง “น้ำดื่ม” 4 ขนาด ได้แก่ เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ 330 มล. ขนาดกะทัดรัดเหมาะแก่เด็กในการพกพาไปโรงเรียน หรือแม้กระทั่งผู้บริโภคที่ไม่ต้องการพกขวดใหญ่ เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ บัดดี้ 330 มล. มีจุดขายจากการใช้ลวดลายลิขสิทธิ์การ์ตูน Marvel’s Avengers: Assemble และ Marvel’s Avengers: Infinity War เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเด็กๆ ให้ดื่มน้ำแบรนด์ดังกล่าว ที่เหลือเป็นขนาด 600 มล. ขนาด 1.5 ลิตร สำหรับครอบครัว และขนาด 6 ลิตร สำหรับการบริโภคภายในบ้าน
ขณะที่การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแบรนด์ในปี 2561 คือการ “ขายกิจการ” น้ำดื่มถังขนาด 18.9 ลิตร (5 แกลลอน) ที่จัดส่งตามบ้าน สำนักงาน ยาวนานเกือบ 10 ปี ให้แก่บริษัท เอ็ม วอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มขนาด 18.9 ลิตร แบรนด์ “สปริงเคิล” ผู้นำตลาดแกลลอน
ส่วนเหตุผลของการขายกิจกรรมเพราะ “เนสท์เล่” ต้องการโฟกัสและพัฒนาน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ในช่องทางค้าปลีกเต็มที่ควบคู่กับผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติแบรนด์ “มิเนเร่”
ในปีที่ผ่านมา ตลาดน้ำดื่มมีมูลค่าประมาณ 46,000 ล้านบาท ผู้เล่นแบรนด์ไทยและต่างชาติล้วนเป็น “เบอร์ใหญ่” เช่น สิงห์ คริสตัล ช้าง น้ำทิพย์ สปริงเคิล อควาฟิน่า กลยุทธ์หลักที่แบรนด์นำมาใช้แข่งกันดิ้นไม่หลุดด้านการใช้ Presenter ดัง เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ออกบรรจุภัณฑ์ใหม่โดดเด่นเพื่อเป็นเซลล์แมนหน้าเชลฟ์ ขาดไม่ได้คือการลดราคาตลอดทั้งปี กระตุ้นการตัดสินใจซื้อด่านสุดท้าย เพราะท่ามกลางเครื่องดื่มจำนวนมากเต็มตู้แช่ ผู้บริโภคพร้อมจะเปลี่ยนใจ ณ จุดขายได้เสมอ
ส่วนตลาดเครื่องดื่มสปาร์คกลิ้ง ผู้บุกเบิกอย่าง “อควาฟิน่า วิตซ่า” ต้องการปลุกตลาดให้มีมูลค่าหลัก “พันล้านบาท” ต้องมาดูว่าเมื่อมีน้องใหม่จากเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ จะสามารถทำให้ตลาดหมวดนี้มีการโตแรงมากน้อยแค่ไหน ร้อนนี้เห็นผลแน่!