BEAUTY ปรับกลยุทธ์ปี 62 รุกหนักตลาดต่างประเทศ จับมือพันธมิตรจีน

BEAUTY ปรับกลยุทธ์ปี 62 รุกหนักตลาดต่างประเทศ จับมือพันธมิตรจีน Carrot Mall ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่  บุก Mainland China พร้อมแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอินเดียเรียบร้อยแล้ว  ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 20% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 25% เผยผลประกอบการปี 2561 กวาดรายได้3,501.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 991.6 ล้านบาท พร้อมจ่ายปันผล 0.138 บาท/หุ้น หรือ 91.25% ของกำไรสุทธิ รวมจ่ายเงินปันผลทั้งปี 0.30 บาท/หุ้น หรือ 90.58% ของกำไรสุทธิ

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวภายใต้แนวคิด Live a Beautiful Life เปิดเผยว่า ปี 2562 บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ พัฒนากิจกรรมตลาด ขยายช่องทางการจำหน่ายในตลาดต่างประเทศและสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค อีกทั้งมีแผนพัฒนาระบบ E-Commerce ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อขยายตลาดในกลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยวางเป้าหมายให้แบรนด์ BEAUTY เป็นหนึ่งในผู้นำ International Beauty & Health Business  ของภูมิภาคเอเชีย และมีรายได้เติบโตมากกว่า 20% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 25%

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 62 สัดส่วนการขายในตลาดต่างประเทศจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญาแต่งตั้ง Carrot Mall ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางค้าปลีกออฟไลน์และออนไลน์รายใหญ่และเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทนำสินค้าเข้าจำหน่ายผ่านช่องทาง Cross Border E-commerce ในแพลตฟอร์ม TMALL เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Scentio Milk Plus Whitening Q10 Facial Foam ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีนและมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางตลาดหลัก (General Trade) ประกอบด้วยช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ในตลาดทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน(Mainland China) แต่เพียงผู้เดียวเรียบร้อยแล้ว ส่วนช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบ Cross Border E-commerce (CBEC) มีสินค้าวางจำหน่ายแล้วใน 8 แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของจีน และมีแผนเพิ่มทั้งจำนวนแพลตฟอร์มและจำนวน SKUs สินค้าเข้าจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทได้ดำเนินการเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายประเทศอินเดียเรียบร้อยแล้ว

สำหรับตลาดในประเทศบริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์ขยายช่องทางจำหน่ายทุกรูปแบบ  เปิดสาขาใหม่โดยเน้นทำเลที่มีศักยภาพสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า พร้อมทั้งมีแผนปรับดีไซน์ของร้าน BEAUTY BUFFET ให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันโดยจะมีร้านต้นแบบสาขาแรกที่มาบุญครองภายในไตรมาส 2/2562  ประกอบกับการใช้กลยุทธ์ใช้สินค้าขับเคลื่อน (Product Driven) ผลักดันยอดขาย โดยบริษัทมีแผนสร้าง Product Hero จำนวน 57 รายการสินค้า และมี 3รายการสินค้าที่โดดเด่น คือ  1. GINO McCRAY The Professional Make up Powder Foundation (แป้งทองคำ)  2.Skincare Serie “Beauty Idol” และ 3. Beauty Cottage Elegant Impressionist Semi – Matt Lipstick (ลิป semi Matt)  พร้อมกับเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สินค้ายอดนิยม โฟมนม Milk Plus คนล่าสุด น้องเซ้นต์ ศุภพงศ์ แก้วกาญจนา ดารานักแสดงนำ ซีรีย์บังเอิญรัก GMM25 มาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ถ่ายทอดประสบการณ์การดูแลบุคลิกภาพใส่ใจสุขภาพผิว เลือกผลิตภัณฑ์ทีดีมีคุณภาพ

นายแพทย์สุวิน กล่าวต่อไปถึงผลประกอบการปี 2561 ว่า มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,501.2 ล้านบาท ปรับตัวลดลง6.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,735.4  ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 991.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลง19.3% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  1,229.3  ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังรักษาความสามารถทำกำไรได้ในเกณฑ์ดี โดยในปี 2561 ที่ผ่านมามีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 28.3% อัตรากำไรขั้นต้น 65.3% ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และมีช่องทางการตลาด ช่องทางการจำหน่าย ที่เข้าถึงผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างหลากหลาย

“ผลประกอบการของ BEAUTY ชะลอลงเล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบระยะสั้นจากกรณีตลาดเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อกระแสข่าวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางของบริษัทอื่นไม่ผ่านมาตรฐาน อย. ส่งผลกระทบให้ฐานลูกค้ารายย่อยระมัดระวังการซื้อมากขึ้น แต่ในระยะยาวถือว่าเป็นผลดีต่อบริษัทเพราะสินค้าของบริษัทผลิตถูกต้องมีเลขที่จดแจ้งที่ได้รับการรับรองจาก อย. ทุกรายการ อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วงที่ผ่านมาลดลงเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดซื้อจากลูกค้านักท่องเที่ยวลดลง”นายแพทย์สุวิน กล่าว

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 91.25% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% หรือ คิดเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.138บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 413.19 ล้านบาท จากที่ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.162 บาท/หุ้น หรือ 90.01%  ของกำไรสุทธิ คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 484.95  ล้านบาท ส่งผลทำให้ในปี 2561 บริษัทจ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 0.30บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 898.15ล้านบาท หรือ 90.58 % ของกำไรสุทธิ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ( Record Date ) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลใน 21 พฤษภาคม 2562 (ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 25 เมษายน 2562 )