PTG อวดงบปี 2561 EBITDA แตะ 3,508 ล้านบาท โต14.40% พร้อมเดินหน้าขึ้นเป็นเบอร์ 2 ช่องทางค้าปลีกน้ำมันในประเทศ

“พีทีจี เอ็นเนอยี” โชว์ปี 61 EBITDA แตะ 3,508 ล้านบาท โต14.40% อวดรายได้จากการขายและบริการ 107,829 ล้านบาท โต 27.40% พร้อมก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของช่องทางค้าปลีกน้ำมันในประเทศ กางแผนธุรกิจปี 62 ตั้งเป้า EBITDA โต 40-50%

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2561บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA)อยู่ที่ 3,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.40% จากปี 2560 มี EBITDA อยู่ที่ 3,067 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 624 ล้านบาท

อีกทั้งบริษัทยังมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 107,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.40% จากปี2560 มีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 84,625 ล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 16% และราคาขายปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้น 9% จากปี 2560 ประกอบกับมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 7,443 ล้าน เพิ่มขึ้น 19% จากปี 2560 มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 6,254 ล้านบาท

ทั้งนี้ในปี 2561 บริษัทยังเป็นที่หนึ่งในด้านอัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน ส่งผลให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของช่องทางค้าปลีกน้ำมันในประเทศ รวมถึงตลาดอุตสาหกรรมน้ำมันเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ได้แก่ การฟื้นตัวอย่างช้าของเศรษฐกิจฐานรากเนื่องจากราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ แต่บริษัทยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านช่องทางการขายปลีกและขายส่งทั้งหมด 3,921 ล้านลิตร เติบโต 16% จากปีก่อน เนื่องจากเน้นการขายผ่านช่องทางการค้าปลีกเป็นหลัก

ขณะที่ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่1/2562 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ได้มีมติจ่ายเงินปันผล 0.20 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) ในวันที่ 13 มีนาคม 2562 ซึ่งจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 14 มีนาคม 2562

โดยบริษัทจะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 19 เมษายน2562 ณ ห้องบอลรูม 1 ชั้น 3 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เลขที่ 99/1 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร เพื่อขอมติอนุมัติต่อไป และมีกำหนดจ่ายปันผลภายในวันที่ 17 พฤษภาคม 2562

นายพิทักษ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2562 ตั้งเป้า EBITDA เติบโต 40-50% จากปี 2561 และบริษัทคาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจะเติบโตอยู่ที่ 16-20% จากปี 2560 เนื่องจากการที่ค่าการตลาดกลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ช่วงกลางไตรมาส 4/2561 ภายหลังจากราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างรวดเร็วและราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน และการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นเบอร์ 2 รวมถึงยังคงเพิ่มความหลากหลายในสถานีบริการ เพื่อเชื่อมโยงการให้บริการของเครือข่ายกับพันธมิตรต่างๆ ที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าได้ รวมทั้งได้กำหนดเป้าหมายขยายสถานีบริการน้ำมันและแก๊สเป็น 2,000 สาขา และจุดให้บริการในธุรกิจ Non-oil ซึ่งรวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจบริการต่างๆ เป็น 700 สาขา โดยบริษัทได้ตั้งงบลงทุนประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก 2,500 ล้านบาท ธุรกิจ Non-oil 500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500 ล้านบาท