ครั้งแรกในเมืองไทยกับไลฟ์สไตล์คอมเพล็กซ์ที่คนเมืองสามารถใช้ชีวิตยามว่างได้ตลอดทั้งวัน เทียบเท่ากับ “Third Place” หรือ “สถานที่สุดโปรด” รองจากที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงาน ครบครันด้วยร้านอาหาร ร้านค้า บริการ สิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่สำหรับออกกำลังกาย พื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่สำหรับครอบครัวและสัตว์เลี้ยง ตลอดจนพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางสังคม เพื่อมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมืองควบคู่ไปกับการพัฒนาสภาพแวดล้อมโดยรอบ
101 THE THIRD PLACE เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากผลการวิจัยความต้องการของผู้บริโภค ว่าสถานที่แบบไหนที่พวกเรากำลังมองหา สถานที่แบบไหนจะเข้ามาตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราได้ดีที่สุด ด้วยโลเคชั่นติด BTS ปุณณวิถี พื้นที่ตรงนี้แต่เดิมเป็นปิยรมย์สปอร์ตคลับที่เปิดให้บริการมา 20 – 30 ปีแล้ว มีฐานลูกค้าเดิมที่เป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มวัยรุ่น และผู้ที่สนใจเรื่องการออกกำลังกาย
ทาง MQDC จึงได้ทำรีเสิร์ชกับกลุ่ม Trendsetter ในกรุงเทพฯ จำนวน 30 คน ครอบคลุมกลุ่มครอบครัว นักเรียนนักศึกษา first jobber และคนโสด ด้วยการตามติดการใช้ชีวิตของคนกลุ่มนี้เป็นเวลา 3 เดือน ดูความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย นัดคุยนัดเจอเพื่อเรียนรู้ถึงแนวคิดและทัศนคติของคนกลุ่มนี้ จนได้ข้อสรุปสำคัญ 4 ข้อ ที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้
1. เบื่อห้างหรู เพราะรู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถไปใช้ชีวิตในสถานที่เหล่านี้ได้ทุกวันอย่างมากก็คือไปกินข้าวเสาร์ – อาทิตย์ Shopping ดูหนังแล้วก็กลับ
2. เหงา อยู่กับแฟนสองคนท่ามกลางสังคมเมืองมีผู้คนมากมาย แต่ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปคุยกับใครที่มีความสนใจคล้ายกัน ห้างหรือพื้นที่เหล่านี้ก็สร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้ไปใช้จ่าย ไม่มีพื้นที่เปิดโล่งสำหรับคนที่มีความสนใจคล้ายๆ กันมาทำกิจกรรมร่วมกัน
3. ต้องการพื้นที่เพื่อสุขภาพ คอนโดทั่วไปจะมีพื้นที่สีเขียวประมาณ 5-10% เป็นสวนหย่อมเล็กๆ เนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ต้องใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อสร้างผลกำไรให้พื้นที่มีมูลค่ามากที่สุด เมื่อผู้อยู่อาศัยอยากไปออกกำลังกายแต่ละที จึงต้องเข้าเมืองไปฟิตเนส สวนสาธารณะ อยากปั่นจักรยานก็ต้องไปสนามเขียวสุวรรณภูมิเหมือนแต่ละสถานที่ต้องใช้ความพยายามในการเดินทางไป
4. สูญเสียเวลาไปกับเรื่องไม่จำเป็น โดยเฉพาะเช่นเรื่องการเดินทาง ตัวอย่างก็คือเรามีบ้านอยู่รังสิตแต่ต้องเดินทางไปทำงานที่สีลมการเดินทางในแต่ละวันอาจจะทำให้เราสูญเสียเวลาไปวันละ 2 – 3 ชั่วโมง สำหรับกลุ่มครอบครัวที่มีลูกเมื่อถึงวันเสาร์ – อาทิตย์ก็ต้องพาลูกไปเรียนพิเศษเรียนเปียโน ฯลฯ ซึ่งแต่ละที่ก็อยู่ห่างกันทำให้สูญเสียเวลาในชีวิตเกินความจำเป็น
ทาง MQDC จึงได้นำ pain point ของคนกรุงเทพฯ เหล่านี้ มาต่อยอดพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส กลายเป็น “พื้นที่แห่งความสุข” ที่ทุกคนสามารถมาใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างเสรี
ข้อแรกก็คือคนรู้สึกเบื่อห้าง 101 THE THIRD PLACE ถูกออกแบบมาให้คนมาเยือนได้รับประสบการณ์ที่แตกต่าง เหนือไปกว่าห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่รายรอบ ที่นี่จะไม่มีความหรูหรา ไม่มี Louis Vuitton ไม่มี Prada ถ้าอยากได้ความหรูหราในระดับนั้น ก็นั่งรถไฟฟ้าไปไม่กี่สถานีก็สามารถไปห้างอื่นได้ด้วยเวลาไม่นานจุดเด่นของการออกแบบ 101 THE THIRD PLACE ก็คือการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมระหว่างอินดอร์กับเอาท์ดอร์เข้าด้วยกันด้วยส่วนผสมที่ลงตัว เป็นส่วนผสมของการสร้างเมืองขึ้นมาเมืองหนึ่งมีร้านที่ตอบโจทย์เรื่องของชีวิตประจำวัน เช่น hillside town ที่จำลองมาจากต่างประเทศ ลัดเลาะทางเดินช้อปปิ้งร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมเขา
สองคือตอบโจทย์คนเหงา จากพื้นที่ทั้งหมด 50,000 ตารางเมตร MQDC แบ่งพื้นที่สำหรับสร้างที่อยู่อาศัย 20,000 ตารางเมตร อีก 30,000 ตารางเมตรออกแบบพื้นที่มาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน มานั่งเล่นบนสวนขนาดใหญ่ เปิดให้คนภายนอกเข้ามาใช้ได้ฟรีตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน มีสนามหญ้าในบรรยากาศร่มรื่น มีห้องประชุมสำหรับคุยงาน มีพื้นที่สำหรับติวหนังสือเพื่อนักเรียนนักศึกษา มี Wi-Fi ให้ใช้ฟรี มีปลั๊กไฟให้ชาร์จแบตด้วย
อย่างที่สามคือเรื่องสุขภาพ เนื่องจากที่นี่เคยเป็นสปอร์ตคลับขนาดใหญ่มาก่อน จึงมีดีมานด์สำหรับคนที่เคยเป็นเมมเบอร์ของปิยรมย์สปอร์ตคลับจำนวนกว่า 5,000 คนที่อยากให้มีพื้นที่ สำหรับคนรักการออกกำลังกายกลับมาอีกครั้ง ซึ่ง 101 THE THIRD PLACE ได้จับมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เปิด VIRGIN ACTIVE 101 สาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นที่นี่
ความพิเศษก็คือไม่ได้มีเฉพาะฟิตเนสสำหรับออกกำลังกายเท่านั้นแต่มีพื้นที่เอาท์ดอร์อย่างสนามเทนนิส สนามแบต สระว่ายน้ำ สนามฟุตบอล เวทีมวย ฯลฯ ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มทุกวัย และส่วนรอบๆโครงการ มีเลนจักรยานความยาว 1.3 กิโลเมตร (แล้วเสร็จในปี 2020) เพื่อให้คนใช้ฟรี มีห้องอาบน้ำ มีล็อกเกอร์รูม รวมไปถึงพื้นที่สวนที่ใครจะมาออกกำลังกายก็ได้เพราะเปิดให้เป็นพื้นที่ความสุขสำหรับทุกคน
เรื่องสุดท้ายก็คือเรื่องของการประหยัดเวลา พื้นที่ 50% ของ 101 THE THIRD PLACE จะเป็นร้านอาหาร อีก 50% จะเป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเราทั้งหมด เป็นเซอร์วิสที่เราต้องใช้ประจำวัน เช่น ธนาคาร ร้านนวด ร้านแว่นตา ร้านขายยา หมอฟัน ทำหน้า ซาลอน นอกจากนี้ยังมีโซนที่เปิด 24 ชั่วโมงด้วยมีร้านขายยา มีเซเว่น-อีเลฟเว่น ร้านอาหาร ร้านบอร์ดเกม ตอบโจทย์วัยรุ่นกินเบียร์ไปทำงานไปนัดเพื่อนออกมาเล่นบอร์ดเกมส์ดึกดึกได้อีกด้วย
สถานที่ไฮไลท์ภายใน 101 The Third Place ที่อยากให้คนกรุงเทพฯ ได้มาสัมผัส
มีการวิจัยมาแล้วว่าผู้คนจะรู้สึกปลอดภัยในเวลากลางคืน เมื่อมีร้านค้า ร้านกาแฟ หรือร้านอาหารเปิดไฟสว่าง ระหว่างทางกลับบ้าน บวกกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ในสังคมดิจิทัลที่กำลังมองหาสถานที่ที่ตอบสนองความต้องการได้แบบทันทีทันใด 24-Hour Street จึงได้เกิดขึ้น ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ร้านมินิมาร์ท แต่ยังมีร้านอาหาร และบริการต่างๆ และที่สำคัญยังเป็นสถานที่เชื่อมต่อกับผู้คนหลากหลายที่มีความสนใจเดียวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
โซนที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้ผู้มาเยือนรู้สึกว่ากำลังเดินเล่นอยู่ในเมืองกลางหุบเขา พาเข้าไปสำรวจพื้นที่ต่างๆ ของร้านค้า ผ่านทางเดินและทางลาดเอียงซึ่งออกแบบโดยใช้หลัก Universal Design ซึ่งจะเป็นรูปแบบที่ไม่เหมือนกับที่ใดในกรุงเทพฯ นำเสนอประสบการณ์การใช้ชีวิตไม่เหมือนใคร ตั้งแต่อาหารไปจนถึงแฟชั่น โดยภายในเป็นที่ตั้งของร้านค้า ร้านอาหารคอนเซ็ปต์ฟู้ด และคาเฟ่สุดชิคที่ตกแต่งแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร
แท้จริงแล้วมนุษย์ต้องอยู่ร่วมกับธรรมชาติ พื้นที่ว่างในอาคารต่างๆ จึงได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่สวนเขียวชอุ่มไปด้วยไม้ดอกและไม้ผลที่เป็นไม้พื้นถิ่น ให้ทุกคนได้มารีชาร์จพลังกายและใจ หลีกหนีจากความเร่งรีบ ในพื้นที่นี้คุณจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากโอเอซิสสีเขียวตัดกับบรรยากาศสีเทาของเมือง เหมาะสำหรับจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ตั้งแต่กีฬาจนถึงคอนเสิร์ต
แนวคิดของ 101 The Third Place
เพราะบ้านคือ The First Place และที่ทำงานคือ The Second Place สองปัจจัยที่เป็นพื้นฐานในชีวิตประจำวันของทุกคน แต่ “การใช้ชีวิต” จะสมบูรณ์ขึ้น เมื่อมี 101 The Third Place ที่ที่เราสามารถใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ในทุกช่วงเวลา
101 The Third Place เป็นไลฟ์สไตล์คอมเพล็กซ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็น “ที่ประจำ” สำหรับการใช้เวลาในแบบที่ต้องการ เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในทุกๆ วัน และทำให้ความหมายของ work-life balance กลายเป็นจริง โดยคืนมาตรฐานความสุขในการใช้ชีวิตให้คนเมืองยุคเมืองดิจิทัล ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า และบริการต่างๆ บนพื้นที่สีเขียวที่เป็นโอเอซิสขนาดใหญ่กลางกรุง พร้อมด้วยเลนจักรยาน ลู่วิ่งลอยฟ้า และสปอร์ตคลับสำหรับคนที่พักผ่อนด้วยการออกกำลังกาย ทั้งยังไม่ยึดติดกับกรอบในการใช้ชีวิตตามตารางเวลาเพราะสามารถเติมสีสันให้ชีวิตได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้วยความเชื่อว่าการออกแบบอย่างใส่ใจจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว 101 The Third Place จึงนำนวัตกรรมล้ำสมัยมาใช้สร้างความสะดวกสบายที่ควบคู่ไปกับความยั่งยืน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีซึ่งขยายไปสู่ชุมชมโดยรอบ เพื่อเป็น “ที่ประจำ” สำหรับการใช้เวลาในแบบที่ต้องการ เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในทุกๆ วัน และทำให้ความหมายของ work-life balance กลายเป็นจริง โดยคืนมาตรฐานความสุขในการใช้ชีวิตให้คนเมืองยุคเมืองดิจิทัล
ติตตามข่าวสารได้ที่ Website : www.101thethirdplace.com