สู้ด้วยจอยาว

ขณะที่สมรภูมิมือถือราคา 2 หมื่นขึ้นนั้น Nokia, iPhone, BB, Samsung และ HTC กำลังห้ำหั่นกันด้วยโอเอสและโปรแกรมแอพพลิเคชั่นใช้งานต่างๆ แต่ทาง LG ยังเลือกปักธงที่ดีไซน์ของตัวเครื่องหรือ Form Factor โดยล่าสุดออก LG Chocolat ตัวใหม่ในชื่อรุ่น “Black Label” ซึ่งมีไฮไลต์อยู่ที่ตัว BL40 ที่จอกว้างถึง 4 นิ้ว และตัวเครื่องยาวถึง 5 นิ้ว ยาวที่สุดในท้องตลาดทิ้งห่างทุกแบรนด์ทุกรุ่น

สมศักดิ์ อธิศัยตระกูล ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือของแอลจี ชี้จุดขายของ LG BL40 ว่าจอที่ยาวเป็นพิเศษจะช่วยให้ดูหน้าเว็บในแนวนอนได้โดยไม่ต้องเลื่อนซ้ายขวา เพราะความกว้างหน้าจอแนวนอนนั้นคือ 800 pixel เท่ากับมาตรฐานหน้าเว็บส่วนใหญ่ และโปรแกรมเช็กเมลในเครื่องก็ออกแบบให้มีทั้งแถบรายชื่ออีเมลทั้งหมด และแถบเนื้อหาในเมลอยู่รวมจอเดียวกันราวกับใช้โน้ตบุ๊กจอใหญ่

แต่ไฮไลต์สำคัญที่เป็นบุคลิกของรุ่นนี้คือจอที่ยาวและคมชัดแบบ HD นี้เหมาะไว้ใช้ดูหนัง โดยชูตัวเลข 21:9 มาเป็นจุดขายด้านความบันเทิง เพราะสัดส่วน กว้าง 9 ยาว 21 นี้ เป็นสัดส่วนเดียวกับมาตรฐานจอโรงภาพยนตร์และทีวีจอ Wide ทำให้การดูหนังบน BL40 ให้มุมมองเดียวกับในโรงภาพยนตร์ซึ่งแม้แต่ทีวีทั่วไปยังให้ไม่ได้

แม้จะเป็นโอเอสและหน้าจอของ LG เอง แต่ก็ขาดไม่ได้ที่จะต้องชนทุกฟีเจอร์กับโอเอสสมาร์ทโฟนดังๆ ทั้งหลาย เช่นสามารถเปิดหลายโปรแกรมใช้งานพร้อมกันได้แบบ Multitasking, มีแอพให้ใช้งาน Facebook, Twitter ได้รวดเร็ว, อ่านไฟล์เอกสารทำงานได้หลายแบบรวมถึง Copy และ Paste ได้ ซึ่งทั้งหมดกลายเป็นฟีเจอร์บังคับของมือถือยุคใหม่ไปแล้ว

ยุทธศาสตร์ในตลาดมือถือของ LG คือเน้นสร้างเอกลักษณ์ที่ดีไซน์ของตัวเองแต่เปิดกว้างในการรับโอเอสอื่นๆ เพราะปีที่ผ่านมา LG ออกทั้งมือถือที่ใช้โอเอสของตัวเอง และทั้งมือถือที่ใช้ Windows Mobile อยู่ 1 รุ่น และอีก 20 รุ่นใหม่ที่จะออกในปี 2553 นี้ก็จะมีเพิ่มเป็น 10 รุ่นที่ใช้โอเอสอื่น โดย 5 รุ่นใช้ Windows Mobile และอีก 5 เป็น Android ที่กำลังมาแรงของกูเกิล

สมศักดิ์เผยว่าในระดับโลกนั้น LG เป็น Partner รุ่นแรกของ Google Android และได้รับข้อมูลเทคนิคจากกูเกิลมากกว่าแบรนด์อื่นๆ ซึ่งยุทธศาสตร์นี้ต่างจากโนเกียและไอโฟนที่ยึดมั่นในโอเอสของตัวเอง แต่จะคล้ายกับทางซัมซุงและเอชทีซี ต่างเพียงว่าแอลจีนั้นดูจะเน้นทำดีไซน์ตัวเครื่องให้แตกต่างอย่างชัดเจนที่สุด เพราะแนวรบซอฟต์แวร์นั้นแอลจียังไม่มีอาวุธเด็ดของตัวเอง เพราะ LG OS ก็ไม่มีจุดเด่น และ LG Appstore ก็ยังเล็กมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

Product : LG “Black Label” BL40

Launch : 16 ธันวาคม 2552

Price : 19,900 บาท

Positioning : มือถือดีไซน์สวยหรู จอใหญ่กว้างพิเศษเพื่อความบันเทิง ดูหนัง และใช้งานอินเทอร์เน็ต ใช้งานได้เหมือนสมาร์ทโฟน แต่มุ่งเป็น “Feature Phone” ที่บรรจุทุกโปรแกรมใช้งานทั้งหลายแล้วในตัว ไม่เน้นการใช้แอพฯ

Target : ตั้งแต่วัยรุ่นขึ้นไป ทุกเพศวัยที่กำลังซื้อสูง และนิยมใช้มือถือดูหนังและดูเว็บ

Market Analysis :
ตลาดมือถือราคา 2 หมื่นขึ้นไปในไทย ซึ่งมียอดขายเดือนละราว 3 พันเครื่อง
ปัจจุบัน LG มีส่วนแบ่งในเซ็กเมนต์นี้อยู่ที่ 8%หรือราวเดือนละ 240 เครื่อง
LG ตั้งเป้าว่า “Black Label” จะช่วยให้ส่วนแบ่งในเซ็กเมนต์นี้ขึ้นไปเป็น 20% หรือราว 600 เครื่อง

ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนของโลก (ไตรมาส 1/2009 ทั้งหมดประมาณ 36.4 ล้านเครื่อง)
โนเกีย 41.2% 14.99 ล้านเครื่อง
BlackBerry 19.9% 7.23 ล้านเครื่อง
ไอโฟน 10.8% 3.94 ล้านเครื่อง
HTC 5.4% 1.95 ล้านเครื่อง
ฟูจิสึ 3.8% 1.38 ล้านเครื่อง
อื่นๆ 18.8% 6.8 ล้านเครื่อง
ที่มา : Gartner พฤษภาคม 2009

ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในไทย (ปี 2008)
HTC 37%
Nokia 30%
Sony Ericsson 9%
อื่นๆ ที่เหลือ
ที่มา : IDC

Campaign :
– ทำ TVC ร่วมกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Avatar เกี่ยวกับการใช้มือถือดูหนังแล้วสมจริงจนหลุดเข้าไปในหนัง (เป็นแคมเปญระดับโลก)
– ทำ TV Scoop และบทความเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์คนเมืองระดับบน ลงรายการทีวีและนิตยสารไลฟ์สไตล์ตลาดบน
– ทำ Fashion Set ลงตามนิตยสารแฟชั่นที่เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบน
ซึ่ง 2 แคมเปญหลังบวกกับงบโฆษณาและการตลาดทั้งหมดสำหรับประเทศไทยอยู่ที่ 10 ล้านบาท