ไม่ปล่อยให้ชาวโปรดิวเซอร์แห่งชาติต้องรอกันนาน ล่าสุด Produce 101 ประกาศเปิดซีซั่นใหม่แล้ว ในชื่อ Produce X 101 โดยดำเนินมาถึงซีซั่น 4 (SS4) รายการเรียลลิตี้ค้นศิลปินของเกาหลี ที่ออกอากาศทางช่องเอ็มเน็ท โดยมี CJ E&M เป็นผู้ผลิต ยังได้รับความสนใจทั่วหน้าจากชาวเคป็อปทั่วโลกเช่นเคย
ซีซั่น 4 นี้ แฟนคลับชาวไทยจะได้ดูผ่านทาง JOOK แอปพลิเคชั่นเพลงออนไลน์ ของค่าย Tencent ของจีน ที่มาเปิดให้บริการในไทยมาได้พักใหญ่ คว้าลิขสิทธิ์มาให้คนไทยได้ชมฟรี พร้อมเกาหลี ออนแอร์ ตอนแรกคืนวันศุกร์ 3 พ.ค. เวลา 21.00 น. พร้อมกับมีรีรัน ซับไทยด้วย
ที่ผ่านมา PRODUCE X 101 แต่ละซีซั่นนั้น มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นซีซั่นแรก I.O.I ที่ปูทางจุดกระแสรายการ ด้วยสาวๆ เกิล์กรุ๊ป ก่อให้เกิดกระแส Pick me กันทั่วบ้านทั่วเมือง ตามด้วยซีซั่นที่ 2 ที่ทำให้เด็กฝึกกลายมาเป็นวง Wanna One บอยแบนด์แห่งชาติที่ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว จนถึงขนาดคว้าแดซังมาแล้ว ส่วนซีซั่นที่ 3 เปลี่ยนชื่อเป็น produce48 การแข่งขันของตัวแทนเกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติที่เป็นตัวแทนของเกาหลีและญี่ปุ่น ได้ก่อให้เกิด IZ*ONE 12
และที่กำลังได้รับการจับตามองอยู่ขณะนี้คือ ซีซั่นที่ 4 ที่มีสิ่งที่แปลกใหม่ไปจากปีก่อนๆ คือ ในปีนี้ นอกจากจะเปิดรับเด็กฝึกจากในเกาหลีแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เด็กฝึกอิสระจากทั่วโลก
อีกทั้งคาดว่าจะมีกระแสที่ทำให้คนไทยติดตามกันมากขึ้น เมื่อมี พีค-กองทัพ ยุทธพิชัย นักร้องหนุ่มวัย 18 ปีจากประเทศไทยเพียงคนเดียวเข้าร่วมรายการ ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงพอสมควร และต้องยอมรับว่าทางรายการก็ใช้จุดแข็งของคนไทยที่นิยมดูยูทูบมาสร้างกระแสได้เป็นอย่างดี เพราะแค่วิดีโอแนะนำตัวของหนุ่มพีคก่อนรายการจะเริ่มก็มียอดวิวเกิน 1 ล้านวิวเป็นคนแรกของรายการในครั้งนี้
พีค เป็นลูกของนักแสดง ปราบ ยุทธพิชัย ที่นอกจากหน้าตาดี หุ่นดี สูง ยังมีความสามารถหลากหลายทั้งกีฬา และภาษาที่พูดได้ทั้งเกาหลี ไทย อังกฤษ และเคยได้รับเชิญไปออกรายการ I can see your voice เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
นอกจากพีค ก็ยังมีตัวแทนจากค่ายต่างๆ ในเกาหลีที่ส่งเด็กเป็นตัวแทนเข้าร่วมรายการ รวมทั้งมีตัวแทนไอดอลซึ่งมีฐานแฟนคลับอยู่แล้ว จากค่ายต่างๆ ที่จะเข้าร่วมในรายการ ก็เป็นอีกวิธีที่รายการใช้ดึงดูดผู้ชมแบบ 360 องศาเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อวิจารณ์ก่อนเริ่มเปิดตัวว่า ซีซั่นนี้อาจไม่ดังสู้ซีซั่นก่อนๆ แต่จากบทพิสูจน์ที่ผ่านมาถึง 3 ซีซั่นต้องบอกว่าแบรนด์ Produce ก็ยังเป็นรายการที่ติดตลาดและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างแล้ว
ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตนี้ให้ Mnet ที่เก๋าเกมกับรายการประเภทนี้ ทั้งยังสรรหาวิธีใหม่ๆ ไม่ให้ผู้ชมรู้สึกเบื่อหน่ายไม่ว่าจะเป็นการตัดซีนดราม่ามาเรียกน้ำย่อย และยังเพิ่มกิมมิกด้วยการนำเด็กตัวท็อปที่หลากหลายและมีคุณภาพมาเพิ่มกระแสให้แฟนๆ ติดตาม เช่น
- สมาชิก UP10 TION ที่ค่าย TOP Media ส่งคิมอูซอกและอิจินฮยอก
- ค่าย PLAN A ส่ง ชเวบยองซาน และ ฮันซึงอู และ นัมดงฮยอน น้องชายของ นัมแทฮยอน อดีตสมาชิกวง WINNER
- นอกจากไอดอลแล้วก็ยังมี อียูจีน นักแสดงรุ่นเล็กของซีรีส์ยอดฮิตอย่าง Sky Castle ตบเท้าเข้าร่วมกับเขาด้วย
- ฯลฯ
ความเชื่อมั่นที่พวกเขาเข้าร่วมรายการ ก็เพราะพวกเขาได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของเด็กฝึกรุ่นก่อนมาแล้วว่า เมื่อวงชั่วคราวสิ้นสุดลง เด็กฝึกแต่ละคนกลับค่ายไป ก็ยังสามารถประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จาก ยอดอัลบั้ม L.O.V.E ของ จีฮุน ที่ทำลายสถิติของยอดขายสูงสุดในวันแรกสำหรับศิลปินชายเดี่ยวด้วยยอด 82,514 อัลบั้ม ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุดของไอดอลชายในปี 2019
หรือแม้แต่ ดงฮัน ที่ขนาดไม่ได้เข้ารอบไฟนอล แต่ก็แจ้งเกิดเป็น JBJ และออกโซโล่เดี่ยวของตัวเองได้
อีกทั้งกลยุทธ์การมีส่วนร่วมตอบโจทย์กับผู้ชมยุคนี้ ทำให้กลายเป็นไอดอลที่เข้าถึงได้ ผู้ชมสามารถมีประสบการณ์ร่วมกับไอดอลได้โดยตรงไม่ว่าจะเป็นการโหวต คอย ลุ้นให้กำลังใจหรือการพูดคุยในหมู่แฟนๆ ก่อนที่จะทำการเลือกเด็กฝึกที่ชอบด้วยตัวเอง
ล่าสุด Mnet ออกมาประกาศตำแหน่งเซ็นเตอร์คนแรกของ Produce X 101 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็คือ Son Dong pyo เด็กฝึกจาก DSP Media (April and K.A.R.D.)
โดย Son DongPyo จะรับหน้าที่เป็นเซ็นเตอร์ในเพลงประจำรายการ ‘_Ji Ma (Pick Me)’
การเลือกเซ็นเตอร์ของ Produce X 101 จะแตกต่างจากซีซั่นก่อนๆ ตรงที่ให้ผู้ชมคลิปเข้ามาโหวตแทนที่เด็กฝึกจะโหวตกันเอง ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางให้ผู้ชมเข้ามามีส่วนร่วมกับรายการมากกว่าซีซั่นที่ผ่านมา แถมในการแสดงเปิดตัวเพลงครั้งนี้ยังมีหนุ่มไทยยืนหนึ่งอย่าง ‘พีค – กองทัพ’ ร่วมอวดความเท่บนเวทีอีกด้วย
ดังนั้นแม้รูปแบบรายการอาจจะมีสูตรสำเร็จคล้ายของเดิมที่มีโมเดลคล้ายกับดาวน์ไลน์ แต่จุดแข็งของแบรนด์ Produce คือเสน่ห์และเคมีของเด็กฝึกแต่ละคนรวมไปถึงการสร้างเซอร์ไพรส์ที่ Mnet จะเป็นคนเขียนบทขึ้นมาเอง ซึ่งก็ยากต่อการคาดเดาว่าจะลงเอยในรูปแบบไหน
ประกอบกับความเบื่อหน่ายที่อิทธิพลในวงการบันเทิงนั้น มักจะกระจุกตัวอยู่ที่ค่ายใหญ่ๆ มาเป็นเวลานาน รายการแนวนี้ ก็เหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่ที่ให้โอกาสเด็กฝึกจากค่ายเล็กและขนาดกลางมาแจ้งเกิดในวงการบันเทิง
โดยแต่ละค่ายจะงัดกลยุทธ์ของตัวเองมาโชว์ในสนามแข่งแห่งนี้ เด็กฝึกทุกคนต้องพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่ไม่คาดคิดในทุกรูปแบบ เพราะคีย์เวิร์ดที่สำคัญที่สุดของรายการคือการเอาชนะใจผู้ชมและทำให้ตัวเองถูกเลือกให้ได้ ต่างจากระบบการคัดเลือกสมัยก่อนที่มีลักษณะปิดตาย โดยผู้ตัดสินมีแค่ตัวค่ายเท่านั้น
ที่สำคัญ แม้ว่าจะมีข้อเสียที่พูดถึงในเรื่องของการทำลายระบบนิเวศของการผลิตไอดอลและอื่นๆ อีกมากมาย แต่ตัวเลข ยอดขาย รวมทั้งกระแส เป็นสิ่งที่ไม่โกหก และผู้ชมหลายคนก็ชื่นชอบในระบบการเดบิวต์ไอดอลผ่านรายการเรียลลิตี้แบบนี้จริงๆ.