เปิดอาชีพ “ฟรีแลนซ์” ทำรายได้เกิน “แสนบาท” ต่อเดือน

ในยุคดิจิทัลที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจ รวมทั้งวิถีการทำงานที่ไม่ติดยึดกับกรอบเดิมๆ อีกต่อไป หากพูดถึง “อาชีพ” ที่มาแรงก็ต้องยกให้ “ฟรีแลนซ์” ที่วันนี้กระจายตัวอยู่ในหลากหลายวงการ และสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำไม่แพ้อาชีพประจำ

Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำรวจสายงาน “ฟรีแลนซ์” ชาวไทย พบว่ามีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นพนักงานขาย อาจารย์ นักวิจัย นักแสดง นักวาด นักเขียน ล่าม เทรนเนอร์ ช่างแต่งหน้า บริการขับรถรับส่งผู้โดยสาร ไปจนถึงอาชีพที่คนทั่วไปมักเข้าใจว่าต้องทำงานประจำเท่านั้น เช่น แพทย์ พยาบาล นักกฎหมาย นักบัญชี และที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุน เป็นต้น

สรุปรวมฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่ทำงานรับจ้างทั่วไป 34% รองลงมาคืองานสอนและงานวิจัย 11% พนักงานขาย 10% งานสายครีเอทีฟ 10% และขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ 9%

เปิดโผฟรีแลนซ์รายได้สูงสุด

แม้ฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่มีรายรับต่อเดือนน้อยกว่าคนทำงานกลุ่มอื่นๆ แต่ชาวฟรีแลนซ์ 5% บอกว่ามีรายได้สูงกว่า 100,000 บาทต่อเดือน อายุเฉลี่ยของชาวฟรีแลนซ์รายได้สูงอยู่ที่ 44 ปีเท่านั้น เทียบกับมนุษย์เงินเดือนรายได้เกินแสน มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 46 ปี

อาชีพ “ฟรีแลนซ์” ที่ทำรายได้หลัก “แสนบาท” ต่อเดือน ก็คือ แพทย์, ตัวแทนขายประกันชีวิต/ที่ดิน, ผู้ตรวจสอบบัญชีนักกฎหมายและทนายความอิสระ, งานครีเอทีฟ, ที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุน, พนักงานขาย, วิทยากร, งานสอนและวิจัย

เมื่อก้าวเข้าสู่อาชีพฟรีแลนซ์ และต้องการหารายได้หลักแสนบาทต่อเนื่อง มี 3 ปัจจัยหลักที่ต้องนำไปปฏิบัติ

1.เรียนสูง ประสบการณ์มาก โอกาสได้เงินแสน

หลายคนอาจคิดว่ารายได้ของชาวฟรีแลนซ์ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัว หรือความขยันในการทำงานเป็นหลัก แต่ความจริงแล้วระดับการศึกษามีผลกับรายได้ของชาวฟรีแลนซ์มากกว่า การสำรวจพบว่าชาวฟรีแลนซ์ที่จบการศึกษาสูงมีโอกาสสร้างรายได้ที่สูงกว่า

ชาวฟรีแลนซ์ที่จบปริญญาโทขึ้นไป 13% บอกว่ามีรายรับต่อเดือนเกินแสน ในขณะที่ฟรีแลนซ์ซึ่งจบปริญญาตรีมีสัดส่วนเพียง 4% หรือมีโอกาสน้อยกว่าราว 3 เท่า

แต่เมื่อเทียบกันแล้วระดับการศึกษามีผลกับระดับเงินเดือนของงานประจำมากกว่า โดยมนุษย์เงินเดือนที่จบสูงกว่าปริญญาโทมีสัดส่วนคนที่ได้เงินเดือนเกินแสนมากกว่าคนที่จบปริญญาตรีถึง 6 เท่า ตรงนี้สะท้อนได้ว่าระดับการศึกษามีส่วนสำคัญในวงการฟรีแลนซ์ก็จริง แต่ไม่มากเท่ากับในวงการมนุษย์เงินเดือน

นอกจากนี้ “ประสบการณ์ทำงาน” มีส่วนช่วยให้รายรับจากงานฟรีแลนซ์เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในสายงานที่ยิ่งมีความรู้รอบตัวและประสบการณ์มากก็ยิ่งได้เปรียบ เช่น อาชีพพนักงานขาย ซึ่งต้องอาศัยทั้งความรอบรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการ ไปจนถึงวิธีการเข้าหาและรับมือกับลูกค้า หรืออาชีพที่ปรึกษาทางการเงินการลงทุน ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า

2.Work Smarter, Not Harder

หลายคนมีคติประจำใจว่า Work hard, Play hard แต่ความจริงแล้ว “การทำงานให้สุด อาจจะไม่หยุดที่เงินเพิ่มขึ้นเสมอไป”

ฟรีแลนซ์ชาวไทยส่วนใหญ่ทำงานประมาณ 3-8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ระยะเวลาการทำงานไม่ได้ส่งผลกับระดับรายได้เสมอไป เมื่อลองเทียบระดับรายได้ตามระยะเวลาที่ใช้ทำงานจะเห็นว่าชาวฟรีแลนซ์ที่ทำงานน้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อวันมีสัดส่วนกลุ่มคนรายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน สูงสุดคือ 26% แซงหน้าชาวฟรีแลนซ์อีกสองกลุ่มที่มีระยะเวลาการทำงานมากกว่า ตีความได้ว่า ถึงจะใช้เวลาทำงานน้อยกว่าแต่ก็มีโอกาสได้รายได้สูงพอกัน หรือในบางกรณีก็อาจจะได้สูงกว่าด้วยซ้ำ

“อาจพอสรุปได้ว่าการโหมทำงานมากๆ ก็ไม่ได้ทำให้รายรับของเรามากขึ้นด้วยเสมอไป คุณภาพของงานบางครั้งก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ทำ แต่ขึ้นอยู่กับทักษะ ความรู้ ประสบการณ์”

3.สร้างคอนเนกชั่น

ใครว่าคอนเนกชั่นไม่สำคัญ เพราะตัวเลขบอกว่า ชาวฟรีแลนซ์เกิน 50% หางานผ่านคอนเนกชั่นทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อด้วยตัวเองโดยตรง ผ่านการแนะนำจากคนรู้จัก หรือผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook Instagram และ Twitter เป็นต้น

แน่นอนว่าการมีสังคมกว้างขวางย่อมหมายถึงโอกาสงานที่มากขึ้น แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือชาวฟรีแลนซ์ที่มีรายได้สูงๆ มักจะเลือกหางานผ่านคอนเนกชั่นส่วนตัวมากกว่าเว็บไซต์หางาน

โดยชาวฟรีแลนซ์ที่มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 9,000 บาท บอกว่าหางานผ่านเว็บไซต์ 39% และหาผ่านคอนเนกชั่นทางสังคม 54% ในขณะที่ชาวฟรีแลนซ์รายได้ต่อเดือนสูงกว่า 100,000 บาทตอบว่าหางานผ่านเว็บไซต์เพียง 16% แต่หาผ่านคอนเนกชั่นสูงถึง 62%.


ข่าวเกี่ยวเนื่อง