ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลง นำโดยตลาดหุ้นจีน หลังนักลงทุนกลับมากังวลประเด็นสงครามการค้าอีกครั้ง

วิเคราะห์เจาะลึกประเด็นการลงทุนประจำสัปดาห์ วันที่ 7 – 10 พฤษภาคม 2562

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (29 เม.ย. – 6 พ.ย.) ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับลดลง เนื่องจาก นักลงทุนกลับมากังวลต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. ในอัตรา 25% เพิ่มขึ้นจาก 10% ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ขณะที่ผู้แทนการค้าของจีนมีกำหนดเดินทางไปเจรจาการค้าที่สหรัฐฯ สัปดาห์นี้เช่นกัน ส่งผลให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นหลังนักลงทุนหลีกเลี่ยงลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ด้านราคาน้ำมันปรับลดลงจากสต็อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าครั้งใหม่ หลังประธานาธิบดี ทรัมป์ ประกาศว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ สู่ระดับ 25% ในวันศุกร์นี้ จากเดิมที่ 10% ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณว่า Fed จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ

ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (เบื้องต้น) เดือน เม.ย.ลดลง แม้ว่าเศรษฐกิจยุโรป (GDP) ในไตรมาส 1/2562 ขยายตัวดีกว่าคาด และธนาคารกลางอังกฤษ คงอัตราดอกเบี้ยพร้อมทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์ของ GDPอังกฤษใบปีนี้อยู่ที่ 1.5% ก็ตาม

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการตลอดทั้งสัปดาห์

ตลาดหุ้นจีน A-Shares ปรับลดลงอย่างมาก หลังประธานาธิบดี ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ จากเดิมที่อัตรา 10% เป็น 25% ในวันศุกร์นี้ และระบุว่า จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนใน วงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ที่อัตรา 25% ในระยะอันใกล้นี้

ตลาดหุ้นไทย ปิดบวก ตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ช่วยหนุนหลายกลุ่มอุตสาหกรรม และ Fed คงอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนรอติดตาม การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน และการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของขณะกรรมการการเลือกตั้ง

ตลาดน้ำมัน ปิดลบ หลังรายงานสต็อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันลดช่วงลบลง จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน หลังที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯจะส่งกองกำลังทหารไปตะวันออกกลาง เพื่อรับมือกับการคุกคามจากอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่า หากอิหร่านโจมตีผลประโยชน์ใด ๆ ของสหรัฐ หรือประเทศพันธมิตรของสหรัฐก็จะถูกตอบโต้

ตลาดทองคำ ปิดบวกเล็กน้อย หลังสกุลเงินดอลลาร์ สหรัฐฯ อ่อนค่าลง และนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังตลาดหุ้นฯ ปรับร่วงลงจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า

เหตุการณ์สำคัญ (KEY EVENTS)

  • คณะเจรจาการค้าของสหรัฐฯ-จีนได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้าที่กรุงปักกิ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา และ 8 พ.ค.นี้ คณะเจรจาการค้าของจีนจะเดินทางมาที่กรุงวอชิงตัน เพื่อเจรจาฯรอบต่อไป อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี ทรัมป์ ประกาศว่า จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ จาก 10% เป็น 25% ในวันศุกร์นี้ ส่วนสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3.25 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ จะถูกเก็บภาษีอัตรา 25% ในอีกไม่ช้า โดยประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้แสดงความไม่พอใจที่การเจรจาการค้าคืบหน้าช้าเกินไป ขณะที่นายโรเบิร์ต ไลท์ ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้ยืนยันการจะเก็บภาษีวันศุกร์นี้เช่นกัน ซึ่งเราคาดว่าประเด็นสงครามการค้าจะกลับมาสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในตลาดอีกครั้ง
  • เราคาดว่าในวันที่ 8 พ.ค.นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) อยู่ที่ 1.75% ตามเดิม เนื่องจาก ยังไม่มีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ และตัวเลขเศรษฐกิจไทยโดยรวมเดือน มี.ค.ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับการที่ Fed ส่งสัญญาณไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้เช่นกัน
  • นักลงทุนรอติดตาม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ระบบเขต 350 เขต และระบบบัญชีรายชื่อจำนวน 150 คน ในวันที่ 7 และ 8 พ.ค.นี้ ตามลำดับ จากนั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดนำรายชื่อบุคคลซึ่งได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ขึ้นกราบบังคมทูล ภายใน 10 พ.ค.นี้ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไป
มุมมองของเราในสัปดาห์นี้

สัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจาก ประเด็นสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่มีแนวโน้มกลับมารุนแรงขึ้น หลังประธานาธิบดี ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ เป็น 25% โดยเฉพาะ หากจีนออกมาตรการตอบโต้กลับสหรัฐฯ หรือ การเจรจาการค้าที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ไม่สามารถตกลงกันได้ โดยก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดหวังต่อผลการเจรจาการค้า รวมทั้งการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่าง ประธานาธิบดี ทรัมป์ และ ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังได้รับปัจจัยกดดันจาก การปรับลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบ และ การประกาศผลประกอบการของบจ.ในไตรมาส 1/2562 สำหรับ ตลาดหุ้นไทย ในสัปดาห์นี้ เรายังคงให้น้ำหนักกับประเด็นการเมืองในประเทศอย่างมาก เนื่องจาก การเมืองที่ชัดเจนขึ้นในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น

ปัจจัยจับตาสัปดาห์นี้

  • ตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน และ ยุโรป/ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และ จีน / ดุลการค้าของสหรัฐฯ และ จีน / GDP ของอังกฤษ
  • เหตุการณ์สำคัญ ได้แก่ การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน, การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/2562 ,การประชุม กนง.ของไทย และ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ระบบเขต และบัญชีรายชื่อ

 

วิเคราะห์โดย: SCB CIO Office