เดือนที่แล้วเราพูดถึงกระแสของแบรนด์ที่ขยายมาทำธุรกิจคาเฟ่เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่การช้อปปิ้งออนไลน์ไม่สามารถทำได้ แต่นอกจากธุรกิจอาหารและคาเฟ่แล้ว อีกธุรกิจหนึ่งที่เราเริ่มเห็นแบรนด์ขยับขยายเข้าไปจับตลาดนี้กันอย่างจริงจังและเล่นใหญ่ยิ่งกว่าร้านอาหาร คือธุรกิจโรงแรม หรือ Hospitality
แบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์ที่เปิดเกมการขยายเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมคือ Armani ซึ่งปัจจุบันมีสองสาขาที่มิลานกับดูไบ และแบรนด์ Bvlgari ที่ปัจจุบันเปิดไปแล้วหกสาขา และกำลังมีแผนจะเปิดเพิ่มอีกที่ปารีส มอสโก และโตเกียว
สิ่งที่ทำให้แบรนด์ไฮเอนด์สนใจเข้ามาจับตลาดนี้ เพราะว่าธุรกิจโรงแรมและธุรกิจแฟชั่นมีคาแร็กเตอร์บางอย่างที่คล้ายกันมาก เช่น มันเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงตัวตนและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างชัดเจน การที่คนจะซื้อกระเป๋าราคาหลักหมื่นหลักแสน นอกจากความสวยงามของสินค้าแล้วเราเองก็ต้องการให้แบรนด์กระเป๋าที่เราถือนั้นทำหน้าที่สะท้อนตัวตนของเรา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เหมือนกับการเข้าพักโรงแรมดีๆ อันแสดงถึงตัวตนและรสนิยมเช่นกัน
ที่สำคัญคือการที่แบรนด์สร้างโรงแรมของตัวเองเพื่อให้มีพื้นที่จำนวนมหาศาล และระยะเวลาที่ได้มีส่วนร่วมกับลูกค้านั้น ถือเป็นความพิเศษที่การขยายขนาดของร้านค้า หรือเปิดสาขาร้านใหม่ๆ เพิ่มขึ้นไม่สามารถให้ผลแบบเดียวกันได้ เพราะสินค้าของธุรกิจโรงแรมนั้นต่อยอดไปได้ไกลมาก เช่น สปา ร้านอาหาร
คาเฟ่ หรือแม้แต่การเอาร้านของตัวเองเข้ามาใส่ในโรงแรมอีกที เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งฝูง
แต่ไม่ใช่แค่แบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์เท่านั้นที่กำลังเดินหน้าเข้าธุรกิจโรงแรม แต่ที่กำลังเป็นเรื่องฮือฮาโดยเฉพาะสำหรับคนไทย คือข่าวการเปิดตัวโรงแรม MUJI hotel สาขาแรกในประเทศญี่ปุ่นที่ย่านกินซ่า ซึ่งจริงๆ สาขานี้เป็นสาขาที่สาม หลังจากเปิดตัวสองสาขาในประเทศจีนไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
เป็นที่รู้กันว่า MUJI นั้นเป็นแบรนด์ที่ว่าด้วยความเรียบง่าย ความมินิมอลที่ไม่ได้เน้นความหรูหราอลังการ เรียกว่าเป็นขั้วตรงข้ามของสินค้าแบรนด์เนมด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นอีกแบรนด์ที่เปิดโรงแรมของตัวเองได้
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยที่ทำให้ MUJI เปิดโรงแรมได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะสินค้าของ MUJI นั้นมีครอบจักรวาลตั้งแต่ของใช้ในครัวเรือน เครื่องนอน ไปยันจักรยาน หรือแม้แต่บ้านก็มี การที่ MUJI เปิดโรงแรมคือการสร้างพื้นที่ที่เหมือนการยกบ้าน MUJI ทั้งหลังมาให้ลูกค้าได้สัมผัสแบบครบถ้วน ว่ากันง่ายๆ โรงแรมกำลังมีหน้าที่เป็นโชว์รูมหรือโฆษณาให้แบรนด์นี่ล่ะครับ
สินค้าบางอย่างที่เราอาจจะไม่เคยได้ลองสัมผัสก็อาจจะได้มีโอกาสสัมผัสครั้งแรกในฐานะแขกของโรงแรมก็ได้ ลองนึกภาพดูนะครับว่าถ้าเราไม่ได้อยากซื้อเตียงนอนหรือโซฟาจริงๆ เราคงไม่เดินไป MUJI แล้วลองนั่งหรือนอนที่เตียงที่โชว์ในร้าน เพราะมันคงเป็นอะไรที่ประดักประเดิดอยู่นิดๆ แต่การได้นั่งโซฟา หรือลองนอนบนหมอนที่ถูกจัดมาอย่างตั้งใจในห้องพักโรงแรม ก็อาจจะทำให้เราเกิดความรู้สึกอยากซื้อกลับบ้านขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ ซึ่งเทคนิคนี้ แบรนด์โรงแรมดังๆ หลายแบรนด์ เช่น เชอราตัน ก็มีขายเครื่องนอนแบบเดียวกับที่ใช้ในโรงแรม ให้ลูกค้าสามารถซื้อไปใช้ต่อที่บ้านได้
แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ MUJI เป็นแบรนด์ที่มีปรัชญา หรือแก่นของแบรนด์ที่แข็งแรงมาก คือการสร้างสินค้าที่เน้นคุณภาพ และความเรียบง่าย การสื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงแก่นของแบรนด์นั้นเป็นเรื่องที่ยากและใช้เวลามากกว่าแค่การขายสินค้า โรงแรมจึงกลายเป็นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์นี้สำหรับ MUJI เช่นกัน
Reference:
- https://www.todayonline.com/world/bulgari-armani-versace-why-luxury-fashion-brands-open-hotels-more-get-game
- https://businessofhome.com/articles/sleep-here-then-buy-our-furniture-why-home-brands-are-getting-into-the-hotel-business