ความสำเร็จอีกขั้นได้เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ประกอบการชาวเอเชียจำนวน 48 คน สำเร็จหลักสูตรการอบรม eFounders Fellowship รุ่นที่ 6 ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มจากความร่วมมือของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด (UNCTAD) ร่วมกับอาลีบาบาบิซิเนสสคูล (Alibaba Business School)
หลักสูตร eFounders Fellowship มีเป้าหมายที่จะให้โอกาสในการเข้าถึงประสบการณ์ด้านอีคอมเมิร์ซและนวัตกรรมที่ทันสมัยต่างๆ โดยตรง จากผู้ประกอบการชั้นนำทั้งในประเทศจีนและจากทั่วโลก เพื่อให้สามารถนำความรู้และเทคนิคต่างๆ ภายหลังการอบรม กลับไปใช้พัฒนาธุรกิจและขยายเศรษฐกิจดิจิทัลแบบเบ็ดเสร็จและยั่งยืนในตลาดของตนได้
นายแจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหารของ อาลีบาบา กรุ๊ป ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษของอังค์ถัด กล่าวว่า “เขามีปณิธานที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจที่เกิดจากการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลในตลาดธุรกิจใหม่ๆ โดยจะสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการด้านดิจิทัลจำนวน 1,000 คน จากประเทศที่กำลังพัฒนาภายในระยะเวลา 5 ปี และการจัดการอบรมให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นที่ 6 ที่ผ่านมานี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่เข้าใกล้เป้าหมายที่เราได้ตั้งไว้ โรงเรียนสอนธุรกิจของอาลีบาบาและอังค์ถัด ได้ร่วมกันฝึกอบรมผู้ประกอบการมาแล้วกว่า 212 คน จากทั่วเอเชียและแอฟริกา ในช่วงสองปีที่ผ่านมา”
การอบรมครั้งที่ 6 นี้ ดึงดูดผู้ประกอบการจำนวน 48 ราย จาก 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มาจากสายงานที่แตกต่างกัน 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ, ฟินเทค (ธุรกิจการชำระเงินออนไลน์), การท่องเที่ยว, การขนส่ง, และบิ๊ก เดต้า โดยในภาพรวมผู้ประกอบการทุกรายได้สร้างงานไปแล้วกว่า 2,700 ตำแหน่ง และมีรายได้ร่วม 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีการบริการให้แก่หน่วยงานภาคธุรกิจและผู้บริโภคไปแล้วกว่า 7 ล้านแห่ง
นางอาร์แลตต์ แวร์โปลเอค (Arlette Verploegh) ผู้ประสานงานโครงการ eFounders Fellowship ประจำอังค์ถัดได้กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่เรากำลังมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจในยุคสังคมดิจิทัล โดยหลังจากสำเร็จการศึกษาจากหลักสูตร ผู้ประกอบการที่ได้เข้าร่วมอบรมจะสามารถกลับไปช่วยพัฒนาสภาพแวดล้อมด้านอีคอมเมิร์ซในระดับประเทศอย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับบริษัทของตนด้วยหลัก ‘การจัดทำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน’ (Sustainable Development Goals–SDGs) เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจภายในองค์กรและแผนธุรกิจ นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมอบรมยังจะได้รับการช่วยเหลือด้านงานวิจัยของอังค์ถัด ร่วมพูดคุยเสวนาเกี่ยวกับการประยุกต์การใช้งานด้านเทคโนโลยี ทั้งยังได้รับโอกาสในการเข้าร่วมงานสำคัญๆ ต่างๆ ระดับนานาชาติ และนำความรู้ที่ได้ไปแบ่งปันกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของตนได้
ผู้เปลี่ยนเกมในโลกเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่
ในช่วง 12 วัน ที่ผู้เข้าร่วมการอบรมได้มาเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อกัน โดยนำการทำธุรกิจของอาลีบาบามาเป็นกรณีศึกษา ทำให้ผู้ประกอบการได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ว่า “ปัจจัยสำคัญใดบ้างที่ก่อให้เกิดเป็นความสำเร็จ รวมถึงความท้าทายต่างๆ ที่ได้พบเจอระหว่างทาง ที่ทำให้อาลีบาบากลายเป็นดังเช่นทุกวันนี้ได้” และนอกจากนี้ จากการเข้าห้องเรียนและการเดินทางไปดูงานตามสถานที่ต่างๆ จะทำให้ผู้เข้าร่วมอบรมทุกคนได้เรียนรู้ถึงวิถีเศรษฐกิจในยุคดิจิทัลของจีนมากยิ่งขึ้น และสามารถนำความรู้และประสบการณ์เหล่านี้มาประยุกต์ ใช้กับธุรกิจของตน สร้างความแตกต่าง และการพัฒนาภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการทบทวนแผนธุรกิจของพวกเขาเทียบกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผู้ประกอบการยังสามารถพัฒนาความรับผิดชอบทั้งต่อสังคมและต่อโลกได้อีกด้วย
นายไบรอัน หว่อง (Brian Wong) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวในฐานะประธานเครือข่ายโกลเบิล อีคอมเมิร์ซ ทาเล้นท์ ว่า “ในการจัดโครงการครั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับเข้ากับสังคมของตน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและวิธีบริหารธุรกิจให้เกิดการพัฒนาต่อสังคมที่ยั่งยืนและมั่นคง เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของตนให้เติบโตเป็นอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญในอนาคต”
การสร้างมิตรภาพอย่างแท้จริง
นอกจากจะได้เรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมยุคดิจิทัลของจีน และคำแนะนำด้านการดำเนินธุรกิจจากอาลีบาบาแล้ว โครงการยังมุ่งเน้นการสร้างมิตรภาพและเครือข่าย โดยมีกิจกรรมต่างๆ มากมายให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้ทำความรู้จักกัน ไม่ว่าจะกับเพื่อนร่วมโครงการด้วยกันเอง และกับวิทยากรผู้สอน
ในระหว่างการเดินทางไปยังหมู่บ้าน Bainiu ในมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ซึ่งเป็นหมู่บ้านต้นแบบแห่งหนึ่งของประเทศจีน ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างได้นำระบบอีคอมเมิร์ซมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน และส่งเสริมบางคนได้ร่วมงานกับบริษัท Taobao ในการส่งออกสินค้า นอกจากนี้ยังเป็นหมู่บ้านที่มีวัฒนธรรมโบราณอันเก่าแก่ ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนได้ร่วมเฉลิมฉลองประเพณีเรือมังกรกับชาวบ้าน และร่วมทำ Zongzi หรือที่รู้จักเป็นอย่างดีในไทยว่า ‘บะจ่าง’ ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้เข้าถึงวัฒนธรรมโบราณของจีนอย่างใกล้ชิด
อังค์ถัดและอาลีบาบา มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและเสริมความรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยสามารถนำสิ่งที่ได้กลับไปปรับใช้ในสังคมและประเทศของตน และยังมีการติดตามการพัฒนาบุคลากรอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ 3 เดือน เพื่อสนับสนุนและติดตามความก้าวหน้าของพวกเขา
นายหว่อง กล่าวว่า “เมื่อสำเร็จการอบรม ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องสัญญาว่า ในช่วงระยะเวลา 2 ปีต่อจากนี้ ต้องประยุกต์สิ่งได้ที่เรียนรู้มาเพื่อพัฒนาชุมชน และร่วมเครือข่าย eFounders Fellowship เพื่อเป็นการให้การสนับสนุน ให้กำลังใจ และร่วมมือขับเคลื่อนโครงการไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก”
โครงการ eFounders Fellowship มีจุดประสงค์ที่จะสร้างชุมชนนานาชาติอย่างแท้จริง โดยจะเริ่มต้นจากการเข้าเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบาภายในประเทศจีน ตามด้วยการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของโครงการเป็นระยะเวลาต่อเนื่องถึง 2 ปี ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการที่ยังคงผูกสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ออกมาปฏิบัติภารกิจร่วมกัน พร้อมทั้งช่วยกันติดตามผลงานต่างๆ ของกันและกัน รวมถึงมีการจัดมีตติ้งกัน โดยในวันพุธที่ 19 มิถุนายนนี้ ชาวสมาคมจะมีการรวมตัวกันอีกครั้ง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองความก้าวหน้าที่พวกเขาทุกคนต่างได้ทำตามแบบแผนจากที่ได้เรียนรู้มาจากการฝึกอบรมดังกล่าวที่ผ่านมา
“โครงการนี้ได้เปลี่ยนมุมมองของผมที่มีต่อเทคโนโลยีไปอย่างสิ้นเชิง เทคโนโลยีนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่สิ่งที่สร้างมาเพื่อทำให้คนเห็นแล้วรู้สึก ‘ว้าว!’ เท่านั้น แต่มันสามารถช่วยแก้ปัญหาสังคม สร้างความเท่าเทียม แถมยังสามารถเปิดโอกาสให้คนที่มีไอเดียสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาก็ได้มากมาย ถ้าคุณถามผมว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้รับจากการเข้าร่วมโครงการนี้คืออะไร ผมก็จะตอบว่า การที่ได้เห็นว่าอาลีบาบาสามารถสร้างอะไรมากมายให้กับโลกใบนี้ ไม่ใช่แค่สำหรับประเทศจีนเท่านั้น แต่สำหรับคนทั้วโลกด้วย”
รังสรรค์ พรมประสิทธิ์, เจ้าของแอพ QueQ
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ถูกเลือกให้เข้ามาร่วมโครงการ eFounders Fellowship ผมได้เรียนรู้ที่จะมองไปในอนาคต แล้วดูว่ามันน่าจะเป็นยังไงพร้อมๆกับเพื่อนๆที่เป็นผู้ประกอบการเหมือนกันแต่มาจากหลากหลายธุรกิจ ประสบการณ์ที่ผมได้รับเปรียบเสมือนการได้นั่งไทม์แมชชีนเพื่อไปดูอนาคต ว่าเทคโนโลยีจะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างไร ผมประทับใจเป็นพิเศษตอนที่รู้เกี่ยวกับความฝันของอาลีบาบา ที่อยากจะเชื่อมโยงทั้งโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผมและเพื่อนๆในโครงการ eFounders ในการสร้างสรรค์และพัฒนาระบบเทคโนโลยีของเราต่อไปเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา”
คุณแม็กซ์ – ธีระชาติ ก่อตระกูล เจ้าของแอพ Stockradars
ผู้สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย Asia eFounders Fellowship สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://activity.alibaba.com/supplier/efounders-fellowship-class-8.html
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ eFounders Fellowship สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่
https://agi.alibaba.com/efounders-fellowship
http://unctad.org/en/pages/newsdetails.aspx?OriginalVersionID=1615
https://unctad.org/en/Pages/eFounders-Initiative.aspx
เกี่ยวกับอังค์ถัด
The eFounders Fellowship เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือด้านสมาร์ท พาร์ตเนอร์ชิพ ที่อังค์ถัดสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
เกี่ยวกับอาลีบาบา กรุ๊ป
พันธกิจของอาลีบาบา กรุ๊ป คือการทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกแห่งทั่วโลก และมีเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนไปอีก 102 ปี
รายนามผู้ประกอบการไทยที่เข้าอบรมในกลุ่มที่ 4
Participant Name | Venture Name | Industry | |
1 | Rungsun Promprasith | QueQ | Fintech / Payment |
2 | Samir Cherro | GoWabi | E-commerce |
3 | Teerachart Kortrakul | StockRadars | Fintech / Payment |
4 | Nuttaporn Voonklinhom | Joyfulness | E-commerce |
5 | Wootinun Sungong | CloudCommerce | E-commerce |
6 | Supasinan Pusanuwongrak | Backyard | Big Data |
7 | Nopphorn Danchainam | Digio | Fintech / Payment |