ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับไม่คาดคิด “โทษแบนสหรัฐฯ” จะสร้างความเสียหายใหญ่ ยอดขายลดกว่า 9 แสนล้านบาท แต่ “พวกเราจะเกิดใหม่ภายในปี 2021”

ยังคงเป็นเรื่องราวที่ไม่จบไม่สิ้นและส่งผลกระทบมากกว่าที่คาดเสียแล้ว สำหรับกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บริษัทสัญชาติอเมริกา ยุติการทำธุรกิจกับ Huawei ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน

โดย Bloomberg ชี้ว่า ผลจากคำสั่งแบนของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ยอดขายของ Huawei ไม่ขยับ ยังคงอยู่ที่ 1 แสนล้านดอลลาร์ ปี 2019 และปี 2020 โดยยอดการเติบโตของบริษัทจะลดลงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 939,900 ล้านบาท ภายใน 2 ปีจากการที่ทางบริษัทไม่สามารถสั่งซื้อเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ได้

แต่ถึงยอดการเติบโตจะกระทบแต่ทาง Huawei จะยังคงไม่ปรับลดงบสำหรับด้านการวิจัยและการพัฒนาของตัวเอง หลีกเลี่ยงการเลิกจ้าง หรือการนำทรัพย์สินออกมาเร่ขายครั้งใหญ่ 

Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร ได้ออกมากล่าวในวงสนทนา โดยเขาแสดงความแปลกใจต่อขอบเขตที่วอชิงตันได้เข้าโจมตีต่อบริษัทของเขา ซึ่ง Huawei ได้เตรียมตัวสำหรับยอดขายในต่างประเทศที่อาจลดลงถึง 60% อันเป็นผลมาจากการที่ Google ได้ออกมาตัดความสัมพันธ์

เราไม่คาดว่าสหรัฐฯ จะมุ่งมั่นในการโจมตี Huawei ทางเราไม่เคยคาดมาก่อนว่า สหรัฐฯ จะโจมตีซัพพลายเชนของบริษัทแบบเป็นวงกว้าง รวมไปถึงการที่ทางเราจะออกไปร่วมกับองค์ระหว่างประเทศ” ผู้บริหารสูงสุดของ Huawei ที่ให้สัมภาษณ์จากเมืองเซินเจิ้น กล่าว และเสริมต่อว่า “ซึ่งนั่นจะส่งผลทำให้รายได้ในปีนี้และปีหน้าอยู่ที่ 1แสนล้านดอลลาร์” 

ประเด็นนี้ในสหรัฐฯ มีการสงสัยว่า Huawei ได้ให้ความช่วยเหลือต่อปักกิ่งในการลอบทำจารกรรมลับ ผลักดันความมุ่งมั่นของจีนที่ต้องการจะเป็นเจ้าทางด้านเทคโนโลยีของโลก ซึ่งถูกกล่าวหามานานหลายปีสำหรับการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาที่ถูกระบุในการฟ้องร้องทางกฎหมายของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังของสหรัฐฯตั้งแต่ ซิสโก โมโตโรลา ไปจนถึง T Mobile แต่ Ren ได้หัวเราะต่อคำกล่าวเหล่านี้

ทางเราไม่ได้คาดมาก่อนต่อความเสียหายว่าจะร้ายแรงมากขนาดนี้ พวกเรามีการเตรียมการในระดับหนึ่ง เหมือนเช่นเครื่องบินที่ได้รับความเสียหาย เหมือนที่ผมได้เคยกล่าวไว้ ทางเราได้แต่ปกป้องเครื่องยนต์และถังเชื้อเพลิงไว้ แต่ล้มเหลวในการปกป้องส่วนอื่นๆ” 

อย่างไรก็ตาม เขายืนยันอย่างหนักแน่นว่า เขาไม่ได้แอบติดตั้งประตูหลังในอุปกรณ์ของ Huawei โดยผู้ก่อตั้ง Huawei กล่าวในตอนท้ายว่าพวกเราจะเกิดใหม่ภายในปี 2021” 

Source