“หัวเว่ย” ไม่หยุดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่สร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค


ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้ใครที่ได้ติดตามข่าวเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนคงจะวิตกกังวลเรื่องนี้กันหนักมองว่ากรณีนี้จะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลกหรือจะส่งผลกระทบถึงประเทศไทยหรือไม่แต่ผลปรากฎว่าสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกกังวลเป็นอย่างยิ่งคงจะเป็นเรื่องการที่ Google ระงับความร่วมมือกับ “หัวเว่ย” ซึ่งจะทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของหัวเว่ยไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของ Google ได้

เชื่อหรือไม่ว่าปรากฎการณ์สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งโลกเพราะสมาร์ทโฟนหัวเว่ยกลายเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั่วโลกไม่เว้นแต่ในประเทศไทยที่สามารถครองใจคนไทยได้จนปัจจุบันเป็นสมาร์ทโฟนชั้นแนวหน้า เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้บริโภคที่ใช้สมาร์ทโฟนหัวเว่ยอยู่มีความกังวลว่าจะสามารถใช้งานได้ต่อไปหรือไม่ รวมถึงคนที่ตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ก็กังวลว่าจะใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้เช่นเดิมหรือเปล่า

ถ้าหากย้อนเหตุการณ์ถึงสาเหตุของเรื่องราวนี่ได้เกิดจากการที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้แบนบริษัทจากประเทศจีนพร้อมกับได้ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย กำหนดให้หัวเว่ยเป็นหนึ่งในบริษัทที่ธุรกิจของชาวอเมริกันไม่สามารถทำการค้าด้วยได้ นอกเสียจากจะได้รับอนุญาตจากรัฐบาลโดยให้เหตุผลว่ามีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ

และเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาGoogleที่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านไอทีและเป็นเจ้าของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่สมาร์ทโฟนทั่วโลกต่างใช้ระบบปฏิบัติการนี้ต้องประกาศระงับความร่วมมือทางธุรกิจกับหัวเว่ยตามคำสั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทำให้เกิดความสับสนและวิตกกังวลในกลุ่มผู้บริโภคและผู้ใช้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ย ว่าการระงับความร่วมมือทางธุรกิจของกูเกิลนี้จะส่งผลให้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ของหัวเว่ยที่จะเปิดตัวต่อจากนี้ไม่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้อีกต่อไปหรือไม่ รวมถึงประเด็นที่ว่าผู้ใช้จะถูกจำกัดการใช้บริการพิเศษอื่นๆของ Google เช่น Google Play Store, Gmail และ YouTube ซึ่งถือว่าเป็นบริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก

อย่างไรก็ดีทางหัวเว่ยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อความกังวลของผู้บริโภคแม้แต่น้อย    ได้แถลงการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคว่าหัวเว่ยยังคงให้บริการอัพเดทซอฟท์แวร์ด้านความปลอดภัย และบริการหลังการขายแก่ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของหัวเว่ยที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดต่อไป ครอบคลุมถึงสมาร์ทโฟนที่ได้จำหน่ายออกไปแล้วและที่ยังรอการจัดจำหน่ายอยู่ในสต็อคทั่วโลกด้วย

อีกทั้งปัจจุบันหัวเว่ยยังคงไม่หยุดพัฒนานวัตกรรมรวมถึงซอฟท์แวร์ที่ปลอดภัย และยั่งยืนเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ผู้ใช้ดีไวซ์ของหัวเว่ยทั่วโลก โดยที่หัวเว่ยเร่งหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดเพื่อผู้บริโภคในอนาคต ล่าสุดพนักงานของหัวเว่ยหลายพันคนที่สาขาหลักในประเทศจีนต่างผนึกทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่สำหรับนำมาใช้ทดแทนหรือลดการพึ่งพา เทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกายิ่งไปกว่านั้นการที่หัวเว่ยถือสิทธิบัตรของ ARMv8 ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี SOC ได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนในประเทศไทยนั้นไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด เพราะพาร์ทเนอร์ของหัวเว่ยในประทศไทยทั้งโอเปอเรเตอร์ AIS, TRUE รวมถึงตัวแทนจำหน่ายรายยักษ์ทั้ง   ซินเน็ค   เจมาร์ท   ทีจีโฟน   ซีเอสซี   และบานาน่า        ต่างออกแคมเปญรับประกันคืนเงินเต็มจำนวนเป็นเวลา 2 ปีสำหรับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยในประเทศไทย

หากลูกค้าพบปัญหาด้านการใช้งานหรืออัพเดตแอพจาก Google และ Facebook บนมือถือเช่น Google Play, Gmail, Youtube Facebook และ Instagram เป็นต้น โดยที่การรับประกันจะคลอบคลุมสินค้าที่ซื้อระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน – 1 กันยายน 2562 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในไทยให้ได้ใช้สมาร์ทโฟนหัวเว่ยได้อย่างเต็มที่ซึ่งหลังจากที่มีแคมเปญการรับประกันนั้น ก็ช่วยสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคมากขึ้น โดยยังคงไว้วางใจใช้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยต่อไป

นอกจากนี้ทั้ง  AIS  และ  TRUE  ยังใช้สมาร์ทโฟน  Huawei  Mate  20X  Pro  5G  เพื่อทดสอบเทคโนโลยีเน็ตเวิร์ก 5G ใหม่ล่าสุดโดยสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวน่าจะได้รับการเปิดตัวในเร็วๆนี้ หลังจากที่โอเปอร์เรเตอร์มือถือในไทยเปิดให้บริการสัญญาณมือถือบนเครือข่าย 5G อย่างเป็นทางการ ล่าสุดผู้บริโภคสามารถมั่นใจกับหัวเว่ยได้ 100% เพราะจากงานประชุม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่นประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ได้ไฟเขียวประกาศคำสั่งใหม่ อนญาตให้บริษัทอเมริกันสามารถทำการค้าร่วมกับหัวเว่ยได้ตามปกติแล้ว

เรียกว่าเป็นความชัดเจนที่ทำให้ผู้บริโภคสบายใจได้ และแสดงให้เห็นว่าหัวเว่ยเป็นแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ รวมถึงเป็นแบรนด์ที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ทุกเมื่อไม่ว่าแบรนด์จะเกิดวิกฤติหนักขนาดไหนแต่ก็สามารถผ่านมาได้และยิ่งสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์และสินค้ามากขึ้นไปอีก