“ความเรียบง่าย” ของสินค้าอันเป็นเอกลักษณ์ กำลังย้อนกลับมาทำร้ายยอดขายของ “MUJI”

ภาพ : facebook.com/muji.thailand/

หลังจาก 30 ปีของการทำธุรกิจ MUJI ได้ค้นพบดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เรียบง่ายในสไตล์มินิมอล โดยเชนเสื้อผ้าจากดินแดนอาทิตย์อุทัยโด่งดังในเรื่องปรัชญาการไม่มีแบรนด์ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพยาวนาน และตัดโลโก้แบรนด์ออกจากสินค้า แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เอกลักษณ์นี้กำลังย้อนกลับมาทำร้าย MUJI เสียเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไรที่หดหายไป

ตามรายงานของ Bloomberg ระบุว่ากว่าทศวรรษที่ผ่านมา MUJI ได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทอดยาวจากโตรอนโตถึงเซี่ยงไฮ้ โดยมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจากปี 2013 ถึงปี 2018

ในขณะที่ยอดขายอยู่ในขาขึ้น แต่น่าแปลกที่ Ryohin Keikaku บริษัทแม่ของ MUJI กลับรายงานว่า ยอดขายจากต่างประเทศซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 40% กลับทำกำไร” ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี

ที่มา : Facebook MUJI Thailand

MUJI กำลังสูญเสียความสนใจของลูกค้าในประเทศจีน

การลดลงส่วนใหญ่เกิดจากความจริงที่ว่า MUJI กำลังสูญเสียความสนใจของลูกค้าในประเทศจีน จากแบรนด์ที่ออกแบบสินค้าคล้ายคลึงกัน เช่น Miniso, NOME และอื่นๆ มากมาย คู่แข่งเหล่านี้ภาคภูมิใจในการนำเสนอสุนทรียศาสตร์ที่เป็นกลางเหมือนกับของ MUJI แต่ขายในราคาที่ต่ำกว่ามาก

แต่ความแพงนี้มีที่มาไม่น่าแปลกหากสินค้าที่ขายในต่างประเทศจะมีราคาที่สูงกว่าที่ขายในบ้านเกิดด้วยตัวแปรที่ชื่อว่าภาษีซึ่งมีอัตราที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของราคาจึงกลายเป็นแรงกดดันที่สำคัญของ MUJI

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นสำนักข่าว Bloomberg ได้เดินเข้าไปในร้านของ MUJI ที่เซี่ยงไฮ้ โดยหยิบ “สมุดบันทึกเล่มเล็ก” ขึ้นมาแล้วพบว่า ในเมืองจีนมีราคาขาย 25 หยวน (3.64 ดอลลาร์สหรัฐหรือ 112 บาท) เมื่อเทียบกับราคาที่ขายในญี่ปุ่นพบว่าแพงกว่าเล็กน้อย โดยมีราคาอยู่ที่ 315 เยน (2.92 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 90 บาท)

ราคาของสมุดยังถือว่าสมเหตุสมผลแต่เมื่อเทียบกับสินค้าอีกชนิดอย่างพัดลมพกพากลับพบว่า ราคาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ MUJI วางขายในราคา 190 หยวน (27.64 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 854 บาท) แต่ถ้าคุณเดินไปที่ Miniso จะสามารถซื้อสินค้าชนิดเดียวกันนี้ในราคาเพียง 39.9 หยวน (27.64 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 179 บาท) เท่านั้น

“พัดลมพกพา” ของ Miniso – ที่มา : Instagram miniso_us

ตั้งสำนักงานพัฒนาสินค้าสำหรับชาวจีนโดยเฉพาะ

เพื่อต่อสู้กับความแตกต่างของราคา ระหว่างร้านค้าในบ้านเกิดและร้านค้าในต่างประเทศ MUJI มีแผนที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ในประเทศที่พวกเขามีอยู่ ตัวอย่างเช่น ตั้งใจที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในอินเดียมากกว่า 200 รายการ 

ขณะเดียวกันกระบวนการผลิตบางส่วนกำลังถูกย้ายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต้นทุนแรงงานลดลง แต่ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์หลายอย่างจะยังคงทำในประเทศญี่ปุ่น เช่นเครื่องสำอางเนื่องจากสามารถควบคุมวัสดุดิบได้ดีกว่า

การปรับตัวเช่นนี้สะท้อนว่า ในที่สุดแบรนด์ก็ยอมรับว่า ผลิตภัณฑ์ของตัวเองไม่ได้เหมาะกับทุกคนบนโลก และยังต้องเปลี่ยนการรับรู้ด้วยว่าผู้คนทั่วโลกกำลังซื้อผลิตภัณฑ์ของ MUJI เพียงเพราะนั้นคือ MUJI นักออกแบบในโตเกียวอาจไม่คุ้นเคยกับความต้องการของชาวจีนดังนั้น MUJI จึงต้องหาวิธีคิดเช่นจีนและการออกแบบสำหรับชาวจีนโดยเฉพาะ

ที่มา : Facebook MUJI Thailand

Satoru Matsuzaki ประธานของ Ryohin Keikaku ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MUJI ยอมรับอย่างสุดซึ้งว่า MUJI จะต้องส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ จำเป็นหรือขาดหายไปจากวิถีชีวิตของผู้บริโภคชาวจีนเนื่องจากพวกเขาซื้อเรา (เพียงผู้เดียวในฐานะแบรนด์ MUJI”

เพราะฉะนั้นภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ MUJI กำลังจะเปิดสำนักงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ขึ้นมาโดยเฉพาะ ที่นี่พนักงานท้องถิ่นจะศึกษาแนวโน้มการใช้ชีวิตของชาวจีน และหวังว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้บริโภคในตลาดที่มีกำไรมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

Source