“เมื่อมีที่ 1 ตัวจริงแล้วจะไม่มีที่ 1 อื่นใด”
“อุดมศักดิ์ โสมคำ” หัวหน้าส่วนงานปฏิบัติการภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ที่รับหน้าที่เป็นเสมือนซีอีโอประจำภาคอีสาน ระบุชัดเจน
ทั้งให้มุมมองว่า “ค่ายมือถือเกือบทุกค่ายมักเริ่มเจาะตลาดภูมิภาค โดยเริ่มจากภาคอีสานก่อนเป็นพื้นที่แรกๆ เพราะภาคนี้มีประชากรมากที่สุดถึง 22 ล้านคน และสามารถสร้างรายได้ได้มากที่สุดอีกเช่นกัน”
แม้ว่าค่าบริการเฉลี่ยต่อเบอร์ต่อเดือน (ARPU) จะไม่สูงเทียบเท่าพื้นที่กรุงเทพฯ แต่มีปริมาณผู้ใช้บริการที่มากกว่า จึงกลายเป็นพื้นที่หลักไปโดยปริยาย
จากผลสำรวจส่วนแบ่งการตลาดล่าสุดของ “เอไอเอส” ในภาคอีสาน เมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา พบว่า AIS ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 55% ด้วยจำนวนลูกค้ากว่า 10 ล้านราย ขณะที่คู่แข่งอยู่ที่รายละประมาณ 20%
เหตุผลที่ ARPU ในภาคอีสานเฉลี่ยแล้วน้อยกว่าในกรุงเทพฯ หรือภาคกลาง เป็นเพราะพฤติกรรมของลูกค้าส่วนใหญ่ยังใช้งานในรูปแบบพรีเพด (เติมเงิน) โดยนิยมซื้อซิมใช้งาน พอหมดโปรโมชั่นก็เปลี่ยนซิมใหม่
แล้วสถิติจำนวนซิมการ์ดแบบพรีเพดในตลาดทั่วประเทศ พบว่ามีจำหน่ายเฉลี่ยแต่ละเดือนราว 3 ล้านเลขหมาย แม้การใช้งานแบบดาต้าจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 70% แต่การใช้งานแบบวอยซ์ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
จากปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ภาคอีสานเป็นฐานตลาดขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับตลาดหลักอย่างในกรุงเทพฯ ดังนั้น การทำตลาดในระดับภูมิภาค มักจะเริ่มในพื้นที่อีสานก่อน
“ความท้าทายของภาคอีสานคือการที่มีพื้นที่กว้างมาก แม้จำนวนประชากรจะสูง แต่ก็ไม่ได้หนาแน่น วิธีการที่ใช้ติดต่อสื่อสารจึงแตกต่างกันไปแต่ละพื้นที่”
AIS จึงเดินหน้าตอกย้ำผู้นำเครือข่ายอันดับ 1 ตัวจริง ด้วยการโหมกลยุทธ์รุกตลาดภูมิภาคทั่วไทย เริ่มด้วยการยกทัพเทคโนโลยีดิจิทัลไปเสริมแกร่งภาคอีสาน พร้อมแคมเปญครองใจชาวอีสานด้วย “เอไอเอส ที่ 1 ตัวจริง เร็วแฮงสุดทั่วภาคอีสาน”
ตอกย้ำศักยภาพเครือข่าย 4G, 4.5G และ NEXT G ที่เร็วสุด แรงสุด และครอบคลุมมากที่สุด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนอีสานโดยส่ง “ต่าย อรทัย” ราชินีลูกทุ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ของไทย เป็นตัวแทนสื่อสารแคมเปญ มัดหัวใจพี่น้องชาวอีสานบ้านเฮากับเอไอเอส
“ปรัธนา ลีลพนัง” หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า การสื่อสารคงไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมในแง่ของวิธีการ แต่จะต่างกันที่ช่องทางมากกว่า
“ในอดีตเวลาลงโฆษณา หรือทำแคมเปญผ่านโทรทัศน์จะทำให้เกิดกระแสมากที่สุด แต่ปัจจุบันช่องทางออนไลน์ทำได้เร็วกว่า จึงต้องปรับใช้ช่องทางสื่อสารให้เหมาะสม”
อย่างไรก็ตาม “ปรัธนา” มองว่า เวลานี้สภาพตลาดมือถือในต่างจังหวัดเริ่มขยับเข้ามาใกล้กับตลาดในกรุงเทพฯ แล้ว แต่ยังไม่เท่ากับตลาดหัวเมืองต่างๆ ที่ยังตามหลังกรุงเทพฯ อยู่อีกประมาณ 6 เดือน
ส่วนกลยุทธ์การใช้พรีเซ็นเตอร์ ยังคงเป็นหลักในการสื่อสารให้เข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมาก เพราะต้องอิงอยู่กับด้านบันเทิง และความชอบส่วนบุคคล
“เอไอเอส” จึงบุกตลาดภูมิภาค ด้วยการเปิดตัว 2 พรีเซ็นเตอร์ชื่อดัง
โดยประเดิมคอนเสิร์ต “ต่าย อรทัย” ในภาคอีสาน และเดือนสิงหาคมถึงคิวของ “เอกชัย ศรีวิชัย” ในการทัวร์คอนเสิร์ตภาคใต้
เพราะนักร้องทั้งสองถือเป็น “ตัวแทน” ที่สะท้อนภาพของ “เอไอเอส” ได้อย่างชัดเจน ทั้งการเป็นศิลปินระดับคุณภาพ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และครองใจคนไทยมานาน.