L Brands เป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้
ภาวะหุ้นตกต่อเนื่องของ L Brands สะท้อนว่าธุรกิจค้าปลีกชุดชั้
same-store sales คือตัวเลขยอดขายจากสาขาเดิม หาก same-store sales มีอัตราเติบโตที่ดี แปลว่ายอดขายของบริษัทจะยังเติ
งัดสินค้าใหม่ชุบชีวิต Victoria’s Secret
Stuart Burgdoerfer ประธานฝ่ายการเงินของบริษัท L Brands ยืนยันว่าเสียงตอบรับสินค้าใหม่
การลดลงนี้ดำดิ่งมากกว่าที่นั
เบ็ดเสร็จแล้ว L Brands ถูกบันทึกตัวเลข same-store sales ลดลง 1% จากที่มีการคาดการณ์ไว้ 0.3% ไม่นาน หุ้นของบริษัทจึงปรับลดรวดเดียว 12% ผ่านระดับ 17.61 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นซึ่งเป็
นักวิเคราะห์มองแก้ยาก
แผนกระตุ้นยอดขายด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่และวางแผนรุกหนักช่วงปลายปี แสดงว่าผู้บริหารมองปัญหา Victoria’s Secret ที่สินค้าเป็นหลัก แต่นักวิเคราะห์กลับไม่เห็นด้วย และมองว่าปมของ Victoria’s Secret อยู่ที่แบรนด์และการแข่งขันจากภายนอก ซึ่งเป็นจุดบอดที่แก้ไขยากมาก
นอกจากปัญหาภาพลักษณ์แบรนด์ของ Victoria’s Secret ที่ไม่โดนใจคนรุ่นใหม่ยุคดิจิทัล นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่าแบรนด์ Bath & Body Works ที่กำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว และมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง ก็หมายความว่าธุรกิจกำลังถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งต้องจับตาดูใกล้ชิดเช่นกัน
สถานการณ์ไม่สู้ดีนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ L Brands ต้องสูญเสียบุคลากรสำคัญของบริษัทไป นั่นคือการลาออกของ Edward Razek ประธานฝ่ายการตลาดที่เป็นตัวหลักในการผลักดันภาพลักษณ์ความเซ็กซี่ร้อนแรงให้กับแบรนด์ Victoria’s Secret ตั้งแต่ยุค 80 โดยนอกจาก Edward Razek ก็ไม่มีใครนอกจาก CEO อย่าง Les Wexner ที่ร่วมงานกับบริษัทมานานมาราธอนเช่นนี้
ขณะเดียวกัน ผู้หญิงยุคดิจิทัลหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงชุดชั้นในสีชมพูฉูดฉาด ไม่เล่นลูกไม้ และเมินชั้นในที่ประดับด้วยเพชรพลอยสไตล์ Victoria’s Secret หลายคนนิยมเลือกแบรนด์ชุดชั้นในสวมใส่สบายที่มีให้เลือกหลายไซส์ ทำให้แบรนด์ Lively หรือ Third Love ที่ใช้นางแบบสาวสวบแทนนางแบบหุ่นดีตามรันเวย์ได้รับความสนใจมากขึ้น ขณะที่ Victoria’s Secret มียอดขายรวมลดลง 7%
ในขณะที่ต้องปรับตัว Victoria’s Secret เริ่มประกาศไม่ออกอากาศรายการแฟชั่นโชว์ประจำปีอีกต่อไป แถมเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังได้เซ็นสัญญากับนางแบบแปลงเพศเป็นครั้งแรก.