เวชสำอาง 48 ปีขอทรานส์ฟอร์ม! “ดร.สมชาย” ลุยธุรกิจยา-ไบโอเทค

จากจุดเริ่มต้น “คลินิก” ต่อยอดสู่โปรดักต์ภายใต้แบรนด์ “ดร.สมชาย” เวชสำอางรายแรกในประเทศไทยที่มีอายุ 48 ปี ในยุคเทคโนโลยี 4.0 เมื่อตลาดเปลี่ยน ธุรกิจต้องปรับวิชั่นใหม่ของทายาทรุ่น 2 ขอทรานส์ฟอร์มสู่ธุรกิจยา พัฒนางานวิจัยระดับดีพเทคโนโลยี

อรอินท์ เรืองวัฒนสุข กรรมการบริหาร บริษัท เอส.เอส.แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ ดร.สมชาย กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจเครื่องสำอางในประเทศไทยมีมูลค่า 1.7 แสนล้านบาท ตลาดหดตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 และคาดว่าจะต่อเนื่องถึงครึ่งปีหลัง จากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย

แพทย์หญิง อรอินท์ เรืองวัฒนสุข กรรมการบริหาร บริษัท เอส.เอส.แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด

ส่วนทิศทางเวชสำอางในไทยตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จากจำนวน “ผู้เล่น” มากขึ้น จะเห็นได้ว่าในร้านค้าปลีกสเปเชียลตี้สโตร์มีอย่างน้อย 30 – 40 แบรนด์ สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดนี้

“ดร.สมชาย” เดินหน้านวัตกรรมดีพเทค

ปัจจุบันธุรกิจแบบเดิมกำลังถูกท้าทายด้วย “โมเดลสตาร์ทอัป” และ Enterprise Value ใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้บริษัทต้องทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ปรับตัวให้องค์กรยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวว่องไวในการทำงาน โดยยังคงเน้นนวัตกรรมและผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เนื่องจากมี R&D เอง และได้ Spin off ทีมวิจัยส่วนหนึ่งออกมาทำนวัตกรรมดีพเทค โดยวางเป้าหมายวิจัยและพัฒนา “ยา” รักษาโรคยากๆ เพื่อแข่งขันในเวทีโลก

“ดร.สมชาย เป็นแบรนด์เวชสำอางเจ้าแรกในประเทศไทย ที่ค้นคว้าและวิจัยมาโดยตลอด มีทีมวิจัยระดับปริญญาเอกหลายสาขา มีห้องปฏิบัติการของเราเอง เรียกว่าไม่น้อยหน้าหน่วยงานวิจัยอื่นๆ ในประเทศ ปีที่ผ่านมาใช้งบ R&D สูงกว่า 6%”

ล่าสุด ได้จดสิทธิบัตรยา Small Molecule สำหรับฆ่าเซลล์มะเร็งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และปีนี้ มีแผนการจดสิทธิบัตรยาต้นแบบที่ประเทศสหรัฐอเมริกา อีก 2 ตัว และตั้งเป้าไว้ว่าอีก 5 ปี จะจดเพิ่มให้ได้มากกว่า 5 ตัว

รุกเทคโนโลยี “ไบโอเทค”

นอกจากนี้ยังได้ลงทุนด้านการวิจัยด้วยการเปิดบริษัท ไบโอเทค ที่สิงคโปร์ ด้วยโมเดลสตาร์ทอัป เพื่อศึกษาวิจัยการใช้เทคนิคใหม่ CRISPR เพื่อพัฒนากระบวนการใหม่ในการสร้างโปรตีนรักษาโรค โดยมีกลุ่มทุน (Venture Capital : VC) จากประเทศบราซิล และประเทศดูไบให้ความสนใจร่วมทุนด้วย การมีพันธมิตรระดับโลกมาเป็นผู้ร่วมทุน จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทก้าวสู่แบรนด์ระดับโลกได้

ดร.สมชาย ในวันนี้ นอกจากจะผลิตเวชสำอางแล้ว ยังเดินหน้าพัฒนางานวิจัย นำไปสู่การเปลี่ยนแพลตฟอร์มการผลิตยายุคใหม่ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงยาที่จำเป็น

เป้าหมายการทรานส์ฟอร์มธุรกิจจากเวชสำอาง ไปสู่การผลิตยารักษาโรคยากต่างๆ เพราะเห็นโอกาสจากมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ ปี 2568 ตลาดโลกประเมินมูลค่าไว้ 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต “เท่าตัว” จากปี 2558 มูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  

เป้า “สกินแคร์” นั่งผู้นำตลาด CLMV  

สำหรับธุรกิจหลักผลิตภัณฑ์เวชสำอางกลุ่มสกินแคร์ ยังคงทำตลาดและขยายธุรกิจต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) วางเป้าหมายเป็น “ผู้นำ” ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวในแต่ละประเทศ และเป็นแบรนด์ระดับภูมิภาค    

ในประเทศไทย ดร.สมชาย มีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 30% ติด 1 ใน 3 กลุ่มสกินแคร์

สำหรับธุรกิจคลินิกมี 5 สาขา ไม่มีแผนขยายเพิ่ม.