1. Food Waste Solutions
ในประเทศอังกฤษมีการพัฒนานวัตกรรมในการตรวจสอบคุณสมบัติของอาหารขึ้นมาอย่างหลากหลาย เพื่อแก้ปัญหาการทิ้งอาหารอย่างไร้ประโยชน์ให้กลายเป็นขยะ หลังพบว่ามีการทิ้งอาหารตามฉลากที่ระบุวันหมดอายุ ทั้งที่อาหารยังรับประทานได้ตามปกติ ซึ่งเป็นการสูญเสียทรัพยากรไปอย่างน่าสียดาย โดยกำลังมีการพัฒนาฉลากอัจฉริยะบนบรรจุภัณฑ์อาหารเพื่อให้ผู้บริโภคทราบได้อย่างแม่นยำมากขึ้นว่าอาหารของพวกเขาสดแค่ไหน หรือเริ่มเปลี่ยนผ่านความสดใหม่แต่ยังรับประทานได้อยู่ จนถึงจุดสิ้นสุดที่ไม่สามารถรับประทานได้แล้ว โดยฉลากบนผลิตภัณฑ์จะบอกเล่าถึงความสดใหม่นี้ หากฉลากบนผลิตภัณฑ์เรียบ สวยงาม สีสดใส แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นยังใหม่อยู่ และฉลากจะกลายเป็นหลุมเป็นบ่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ผลิตภัณฑ์จะไม่สดอีกต่อไป ซึ่งช่วยให้เกิดการสูญเสียอาหารอย่างไม่จำเป็นน้อยลง ส่วนต้นทางในการผลิต ก็เริ่มมีการนำแนวคิดใช้วัตถุดิบที่ไม่สวยงามหรือตกเกรดคัดคุณภาพ มาใช้ในการแปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ผัก ผลไม้ ที่มีรูปทรงไม่สวยงามตามเกรดคัดมักจะถูกทิ้งออกจากกระบวนการผลิต ทั้งที่ใช้ทรัพยากรในการผลิตเทียบเท่ากับชิ้นอื่น ๆ จึงเกิดการแก้ปัญหาด้วยการหยิบผัก ผลไม้ที่ไม่สวยงามเหล่านี้ มาปรุงให้มีรสชาติอร่อย บอกเล่าเรื่องราวของการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มคุณค่า หรือใช้เทคโนโลยีแปรรูป เพื่อให้ได้ผลผลิตออกมาเป็นอาหารและเครื่องดื่มให้สมกับที่ใช้ทรัพยากรและแรงงานในการเพาะปลูกนั่นเอง
2. AI, A must
ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ เครื่องจักรกล แขนจักรกล หรือโปรแกรมการผลิตแบบอัจฉริยะเท่านั้น แต่ AI ในอุตสาหกรรมอาหารกำลังมุ่งไปที่การบริหารจัดการตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง หรือจากฟาร์มจนถึงการเสิร์ฟอาหารบนโต๊ะ ทั้งการจัดหาวัตถุดิบ ตรวจสอบการผลิต ควบคุมมาตรฐานและรสชาติ ไปจนถึงแผนการขนส่งและสต็อคสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยบริษัทขนาดใหญ่จะมีการพัฒนา AI ขึ้นมาใช้อย่างเฉพาะ ซึ่งมีความสามารถสูงถึงขนาดจดจำรสชาติที่มีความละเอียดจนเกิดเป็นมาตรฐานของการผลิตได้ ส่วน SME Start Up หรือผู้ประกอบการที่มีขนาดเล็กลงมา ก็กำลังปรับตัวเข้าหา AI เพื่อการผลิตที่อยู่ในมาตรฐานสากล เช่น AI ที่ทำความสะอาดเครื่องจักรผสมอาหาร ซึ่งวัดค่าความสะอาดทั้งในแง่ของพื้นผิวและกลิ่นเพื่อคงคุณภาพในการผลิตอาหารและเครื่องดื่มในทุกครั้งที่ใช้เครื่องจักร
3. Packaging
การออกแบบแพคเกจจิ้งในปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงามและการให้รายละเอียดที่ชัดเจนแก้ผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการย่อยสลายซึ่งจะเป็นภาระต่อโลกใบนี้อีกด้วย กระแสรักษ์โลกที่จุดประกายการตระหนักถึงผลกระทบที่แพคเกจจิ้งมีต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่หลอดพลาสติกกับเต่าทะเล ถุงพลาสติกกับวาฬ หรือห่วงฝาขวดน้ำที่รัดปากโลมา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแพคเกจจิ้งอย่างมากมายตามการเรียกร้องของผู้บริโภคและธรรมาภิบาลขององค์กร อาทิ การใช้แพคเกจจิ้งย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ การรีไซเคิลแพคเกจจิ้งใช้ซ้ำ หรือการออกแบบแพคเกจจิ้งให้สามารถถือพกพาได้ง่ายโดยไม่ต้องใส่ถุงพลาสติก ซึ่งเป็นความสิ้นเปลืองทรัพยากรที่ซ้ำซ้อนเกินจำเป็น
4. Bountiful Choice
เมื่อแบรนด์ต่าง ๆ ถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และความต้องการของผู้บริโภค นำไปสู่การสร้างสินค้าที่มีความสร้างสรรค์และมีนวัตกรรมที่ตรงกับความต้องการและรสนิยมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากการตลาดที่แบ่ง segments ลูกค้าแบบเดิม ๆ นั้นแบรนด์ต่าง ๆ ยังหันมาให้ความสนใจกับรสชาติ รูปแบบ และบรรจุภัณฑ์มากขึ้น รวมถึงการพัฒนาสินค้าแบบ Think out of the box เพื่อรักษาการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค และความกระหายใคร่รู้ของผู้บริโภคยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดความหลายหลาย และน่าตื่นตาของอุตสาหกรรมอาหารในปัจจุบัน โดยในอนาคตผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับอาหารมากกว่าเรื่องของความอิ่มท้อง แต่จะมองอาหารเป็นเครื่องแสดงออกถึงความเป็นตัวตนรูปแบบหนึ่ง อาทิกลุ่มมิลเลนเนียลและเจนเนเรชั่นซี เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับประเด็นทางสังคมโดยยินดีจ่ายมากขึ้นให้กับสินค้าที่สนับสนุนแนวคิดบางอย่าง ซึ่งผู้ประกอบการต้องทำการบ้านหนักขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว เช่น การนำเสนอข้อมูลที่มาของวัตถุดิบ ข้อมูลสำหรับตรวจสอบย้อนกลับที่มาของส่วนผสม และกระบวนการผลิตตลอดจนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
5. Rising of Food & Agri-Tech
ภายในปี 2593 นี้ มีการคาดการณ์ว่าประชาการโลกจะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านคน ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ เราจะต้องมีผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้นอีก 70% จากบริมาณการผลิตที่ทำได้ในปัจจุบัน ดังนั้นเทคโนโลยีและงานวิจัยต่าง ๆ จะเข้ามามีบทบาทในการเกษตรมากขึ้น อาทิ การทำฟาร์มแนวดิ่ง (Vertical Farming) และการทำเกษตรในร่ม (Indoor Farming) ที่สามารถเพาะปลูกได้ในเมือง ในอาคาร หรือการใช้เทคโนโลยีไอโอที (IOT) Big Data เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล และพัฒนากระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสุงสุด เช่น แอปพลิเคชัน วิเคราะห์น้ำในดิน, คาดการณ์และตรวจวัดผลผลิต, ให้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง, สอดส่องพืชผล และช่วยจดบันทึกและการจัดเก็บข้อมูล โดยมีการคาดการณ์แนวโน้มตลาดการเกษตรอัจฉริยะว่าจะขยายตัวได้ถึง 23.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2022 สะท้อนสัญญาณที่สดใสด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่อยู่ในระดับสูงถึง 19.3% และนอกจากเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรแล้ว เทคโนโลยีในการแปรรูปสินค้าเกษตรให้กลายเป็นอาหาร และเทคโนโลยีในการบริหารจัดการ ก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ผู้ประกอบการต้องจับตามอง
6. Foodie Influencer
ผู้บริโภคในยุคดิจิตอลสามารถเข้าถึงข้อมูลในหลายช่องทางได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารหันมาให้ความสำคัญกับการทำการตลาดออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยมีผลสำรวจระบุว่าผู้บริโภคกว่า 58 % บอกว่าโซเชียลมีเดียและรีวิวมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ รองลงมาคือการบอกต่อที่ 23% และ 9% ผ่านการโฆษณาในสื่อ และเมื่อเสียงบอกต่อมีพลังมากกว่าโฆษณาชวนเชื่อ บทบาทของ Foodie Influencer จึงมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคช่างเลือกอย่างไม่น่าเชื่อ ความน่าสนใจของ Influencer Marketing นี้ไม่ได้อยุ่แค่ในไทยเท่านั้น แต่แพร่ขยายไปทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่มีอัตราการใช้อินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียสูง โดยประเทศที่มีประชากรเข้าถึงโซเชียลมีเดียมากที่สุดคือ มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และ ไต้หวัน ในสัดส่วนเท่ากันที่ 99% ส่วนประเทศไทยนั้นมีอัตราการการเข้าถึงโซเซีลมีเดีย 86% และอินโดนีเซีย 71% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั่วโลกที่มี 58%