ไทยสมเด็จ คว้ารางวัล ELMA 2 ปีซ้อน


ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค จากการจัดอันดับดัชนีวัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ อยู่ในอันดับที่ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียน ทางภาครัฐเองก็ได้ตั้งเป้าหมายพัฒนาความสามารถในการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ให้ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการขับเคลื่อนและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในความร่วมมือนั้นก็คือการจัดงาน “TILOG-LOGISTIX 2019” ผนึกกำลังผู้ประกอบการและนักธุรกิจด้านโลจิสติกส์ นำเสนอความครบครันของเทคโนโลยี โซลูชั่นและผู้ให้บริการจาก 415 แบรนด์ 25 ประเทศ พร้อมกิจกรรมเพิ่มองค์ความรู้และสัมมนาระดับนานาชาติ เพื่อส่งเสริมศักยภาพทางการค้า เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศกับผู้ประกอบการทั่วภูมิภาคอาเซียน

ภายในงานได้จัดพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบการที่มีความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ประจำปี 2562 (Excellent Logistics Management Award 2019) หรือ ELMA 2019 ซึ่งมีผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล 3 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัท เจพีเค โคลด์ สโตเรจ จำกัด ในสาขาผู้ให้บริการคลังสินค้า (Warehousing Services) 2.บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ในสาขาผู้ให้บริการตัวแทนในการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (International Freight Forwarding Services) และ 3.บริษัท ไทยสมเด็จ เซอร์วิส จำกัด ในสาขาตัวแทนออกของ (Customs Brokerage Services)

นายวิสาร ฉันท์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสมเด็จ เซอร์วิส จำกัด ผู้ให้บริการด้านพิธีการศุลกากรที่ให้บริการมากว่า 49 ปี กล่าวถึงความภูมิใจที่ได้รับรางวัล ELMA 2019 ว่า บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประกวดตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งในการประกวดแต่ละปี ได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการในการพัฒนาองค์กรด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการธุรกิจ ทำให้ทราบถึงจุดเด่นที่บริษัททำได้ดีอยู่แล้ว และสิ่งที่บริษัทยังต้องพัฒนาเพิ่ม จนทำให้สามารถคว้ารางวัลในสาขาตัวแทนออกของได้ 2 ปีติดต่อกัน จากการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการทำงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กรได้ดียิ่งขึ้น

ในปี 2018 ได้นำนวัตกรรม Intelligent Customs Clearance Technology (ICCT) ที่ได้คิดค้นขึ้นเองมาพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านพิธีการศุลกากรเพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านขั้นตอนเอกสารที่ยุ่งยาก สามารถบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุนของบริษัทและลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีสินค้าจำนวนมากที่จะต้องทำเอกสารผ่านศุลกากร และเป็นบริษัทแรกของไทยที่พัฒนาระบบโดยไม่ต้องใช้พนักงานคีย์ข้อมูล ทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างได้รวดเร็ว

และในปี 2019 นี้ บริษัทได้พัฒนาคิดค้นโปรแกรมใหม่ “track & trace” เพื่อให้พนักงานทำงานได้สะดวก รวดเร็ว แม่นยำมากขึ้น ทำให้ออกของและส่งมอบให้ลูกค้าได้ตามกำหนดเวลา

นายวิสารชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการพาบริษัทเข้าร่วมแข่งขันเพื่อชิงรางวัล ELMA ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาว่าเป็นเหมือนก้าวกระโดดในการพัฒนาของบริษัทไทยสมเด็จ ที่ได้เห็นภาพกระบวนการทำงานภายในองค์กรจากมุมมองของคนที่มีวิสัยทัศน์ ได้รับคำแนะนำในการปรับปรุงแก้ไขจุดด้อย ทำให้เราเห็นโอกาสในการยกระดับงานบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

สำหรับการประกวดรางวัล ELMA 2019 แบ่งออกเป็น 4 สาขา ได้แก่ 1.สาขาผู้ให้บริการขนส่งสินค้า (Transportation Services) 2.สาขาผู้ให้บริการคลังสินค้า (Warehousing Services) 3.สาขาผู้ให้บริการตัวแทนในการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ หรือตัวแทนออกของ (International Freight Forwarding Services or Customs Brokerage Services) และ 4.สาขาผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (Third Party Logistics Services : 3PL) โดยในปี 2018 มีผู้ได้รับรางวัล 2 ราย และ ปี 2019 นี้ มีผู้ได้รับรางวัล 3 ราย