ไอคอนสยาม สร้างปรากฎการณ์ ‘Creating Shared Value’ ประสานประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย พลิกแลนด์สเคปริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของโลก


ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 1 ปีก่อน อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต “ไอคอนสยาม” มูลค่าโครงการ 54,000 ล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูงที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่บนที่ดิน 55 ไร่ บนถนนเจริญนคร สะท้อนสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เปิดขึ้นอย่างเป็นทางการต่อสายตาคนทั้งโลก

ความตั้งใจของไอคอนสยามต้องการให้สถานที่แห่งนี้ เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของโลก (World Destination) ที่ทุกคนต้องมาเยี่ยมเยือนสักครั้งในชีวิต เพื่อสัมผัสประสบการณ์เมืองที่เป็นศูนย์รวมของความมหัศจรรย์อันหลากหลาย ทั้งศิลปะและวัฒนธรรม บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทย ผสมผสานรวมอยู่กับที่สุดของการช้อปปิ้งและความบันเทิง ที่สำคัญไอคอนสยามยังได้รวมพลังสร้างสรรค์สัญลักษณ์ใหม่ ที่จะกลายเป็นมหาปรากฏการณ์ที่ประสานประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Value) แผ่กระจายความรุ่งเรืองไปทั่วทั้งในระดับชุมชน สังคม และประเทศ ซึ่งเป็นแนวคิดการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ซึ่งไอคอนสยาม มุ่งเน้นการสานประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่ายเพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

วันนี้ไอคอนสยามได้ทำให้ภาพเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว และในสเกลที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ใดมาก่อนในโลก ส่งผลต่อการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ การพัฒนาย่านเจริญนครและฝั่งธนบุรี การท่องเที่ยวริมน้ำเจ้าพระยาได้รับความนิยมอย่างสูง อัตราการเติบโตของผู้โดยสารทางน้ำเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการลงทุนธุรกิจเรือโดยสาร-เรือนำเที่ยว รวมทั้งอัตราการเติบโตของที่พักโรงแรมริมน้ำเจ้าพระยา

เหนือสิ่งอื่นใดการสร้างสรรค์โครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ภายใต้บรรทัดฐานใหม่ของการทำธุรกิจในรูปแบบ “Shared Values” และ “Co-Creation” ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมและในสเกลที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน ส่งผลให้ “ไอคอนสยาม” ได้สร้างชื่อเสียงอันดีงามของประเทศไทยสะท้อนศักยภาพให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลกอีกครั้ง ด้วยการกวาดรางวัลชนะเลิศ Global Award จากเวทีอันทรงเกียรติระดับนานาชาติถึง 3 รางวัล ได้แก่ รางวัล World Retail Awards 2019 สาขา Best Store Design of the Yearนฐานะโครงการที่ได้รับการคัดเลือกว่าออกแบบดีที่สุดในโลก และอีก 2 รางวัลชนะเลิศจาก INTERNATIONAL PROPERTY AWARDS 2019 ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุด และรางวัลชนะเลิศการออกแบบสถาปัตยกรรมดีเด่นระดับภูมิภาค ในหมวด Shopping Center จากเวที Prix Versailles 2019

จุดหมายที่สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมีคุณค่าให้แก่ผู้มาเยือน

ไอคอนสยามมีปณิธานในการรังสรรค์โครงการที่แตกต่าง และต้องการนำเสนอความแปลกใหม่อย่างมีอัตลักษณ์โดดเด่น จึงได้ทำงานลงลึกในรายละเอียดร่วมกับผู้ประกอบการร้านค้า ตั้งแต่สุดยอดแบรนด์ของไทยไปจนถึงลักซ์ชัวรี่แบรนด์จากต่างประเทศ ให้แต่ละร้านนำเสนอเรื่องราวแนวคิดเกี่ยวกับแบรนด์ เพื่อให้ไอคอนสยามเป็นโครงการแรกที่ทำ Story Telling ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจได้อย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบที่สุด

หลายแบรนด์ดังระดับโลกให้ความเชื่อมั่นในไอคอนสยาม โดยร่วมกันคิดสร้างสรรค์สิ่งพิเศษที่จะเกิดขึ้นภายในร้านของเขาเฉพาะที่สาขาไอคอนสยามเท่านั้น สร้างเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมีคุณค่าให้แก่ผู้มาเยือน เฉกเช่น “หลุยส์ วิตตอง” ณ ไอคอนสยาม มีการนำเสนอประวัติศาสตร์ที่มีมายาวนานของแบรนด์ผ่านเรื่องราวจากดินแดนตะวันตกสู่ตะวันออก การออกแบบร้านได้ผสมผสานอัตลักษณ์ดั้งเดิมของหลุยส์ วิตตองตามรูปแบบตะวันตก เข้ากับองค์ประกอบพื้นถิ่นที่สื่อถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างลงตัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานศิลปะชิ้นสำคัญประดับประดาอย่างสวยเด่นอยู่บนเพดานของร้าน นั่นคือประติมากรรมสิ่งทอผืนยาวกว่า 18 เมตร ถักทอขึ้นด้วยเทคนิคศิลปะผสมผสานวัสดุพื้นถิ่นหลากหลายประเภทเพื่อเป็นตัวแทนของวิถีชีวิตริมน้ำ ผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่า ”River of Kings” ถ่ายทอดความคิดและผ่านการรังสรรค์โดยฝีมือศิลปินไทยคุณมุก-เพลินจันทร์ วิญญรัตน์ ที่ตกแต่งถักร้อยเรียงผ้าสิ่งทอหลายชนิดหลายเฉดสีต่อกันอย่างสวยงามไร้ที่ติเพื่อสื่อถึงวิถีชีวิตที่มีชีวิตชีวาบนสายน้ำเจ้าพระยาแห่งนี้จากกลางวันจรดกลางคืนนับแต่ประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน

เชื่อมต่อ “รถ-ราง-เรือ” ช่วยทำเลทองอสังหาริมทรัพย์บูมสุดขีด

การเกิดขึ้นมาของ “ไอคอนสยาม” ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการสร้างเมืองแห่งความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์ (The Icon of Eternal Prosperity) จุดประกายคุณค่าของแม่น้ำเจ้าพระยาใน 3 เรื่องหลัก กล่าวคือ การสัญจรไปมาทุกระบบการขนส่ง “รถ-ราง-เรือ” การขยายตัวของเศรษฐกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยา และ การพัฒนาชุมชนนโดยรอบนั้นเพราะ “เมืองไอคอนสยาม” ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า Attraction ระดับโลก และที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี รวมถึงการเกิดขึ้นของ ระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง “โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง” เป็นองค์ประกอบสำคัญส่งผลให้ที่ดินย่านคลองสาน ถนนเจริญนคร กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี โดยเฉพาะบริเวณเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ยกสถานะเป็น “ซูเปอร์ทำเลทอง” ที่ดินราคาพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับจาก 5-6 ปีที่ริเริ่มพัฒนาโครงการดึงดูดนักลงทุน ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มุ่งหน้าสู่ถนนที่มุ่งตรงเมืองไอคอนสยาม โดยเฉพาะรัศมี 10 กิโลเมตรรอบเมืองไอคอนสยามและริมแม่น้ำเจ้าพระยาเกิดการลงทุนและพัฒนาธุรกิจตามมาอย่างคึกคัก

ยืนยันด้วยข้อมูลแผนกวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่น ประเทศไทย จำกัด ระบุว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา ที่ดินบางแปลงย่านถนนเจริญนคร ฝั่งธนบุรี ราคาพุ่งสูงตารางวาละ 1 ล้านบาท ปรับขึ้นถึง 144% ในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี เทียบช่วงปี 2552 ราคาที่ดินเฉลี่ย 100,000-200,000 บาทต่อตารางวา ปี 2554 ราคาขยับขึ้นอยู่ที่ประมาณ 265,000 บาทต่อตารางวา ปี 2557 ราคาพุ่งไปที่ 450,000 บาทต่อตารางวา

เช่นเดียวกับ ข้อมูลจาก บริษัท โมเดิร์น คอนโด พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ระบุถึงผลการศึกษาการยกระดับของราคาที่ดินที่มีการซื้อขายกันจริง (ปี 2561) ในฝั่งใกล้เคียงกับไอคอนสยาม โดยที่ดินที่สามารถพัฒนาเพิ่มมูลค่าได้นั้นราคาขึ้นไปถึงตารางวาละ 1 ล้านบาท ใกล้เคียงกับย่านสุขุมวิทเลยทีเดียว นอกจากนี้บริเวณพื้นที่แนวรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสถานีกรุงธนบุรี จุดตัดรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง ราคาพุ่งไปถึง 1.2 ล้านบาทต่อตารางวา แม้กระทั่งห่างออกมาอย่างสถานีวงเวียนใหญ่ สองฟากถนนที่รถไฟฟ้าผ่านและลากเข้าไปถนนเพชรเกษม พบคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นจำนวนมาก สนนราคาต่ำสุดอยู่ที่ 400,000-500,000 บาทต่อตารางวา

เศรษฐกิจย่านเจริญนครและฝั่งธนบุรีสู่ “ยุคเฟื่องฟู”

เช่นเดียวกันการมาของ “ไอคอนสยาม” และการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าสายสีทอง นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาเมือง หรือภูมิทัศน์ ฝั่งธนบุรี เปรียบเสมือนการปลุก “ชีพจรเศรษฐกิจ” ยกสถานะย่านเจริญนคร ริมน้ำเจ้าพระยา สู่แลนมาร์คใหม่ของมหานครกรุงเทพ ที่ยังจะดึงดูดคลื่นการลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่องในอนาคตข้างหน้า

หากมองย้อนกลับไปในอดีตก่อนปักหมุดพัฒนาโครงการเมืองบนที่ดินซึ่งเป็นโกดังเก่า ขณะที่ย่านฝั่งธนบุรีถือได้ว่าเป็น “มุมอับ” ทั้งด้านการจราจร ที่ดินที่จะนำมาพัฒนา รูปแบบการค้าต่างๆ ยังไม่ทันสมัยเท่า เนื่องจากลักษณะที่อยู่อาศัยเป็นย่านเก่าแก่ ลักษณะครอบครัวเดี่ยว แนวราบ แม้เริ่มถูกแทรกด้วยที่อยู่อาศัยแบบแนวดิ่ง คือ คอนโดมิเนียมแต่ยังไม่จัดว่าคึกคักมากนัก

หนึ่งปัจจัยสำคัญของการ “บูม” ย่านเจริญนครและฝั่งธนบุรีต่อเนื่องในระยะยาวถูกขับเคลื่อนด้วยการเข้ามาของ “รถไฟฟ้าสายสีทอง” ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรีและมีเส้นทางไปตามถนนเจริญนคร ในอนาคตเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีทองยังสามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงได้อีกด้วย

แน่นอนว่าโครงข่ายคมนาคมที่สะดวกสบายเอื้ออำนวยต่อการเดินทางเช่นนี้เปี่ยมศักยภาพไม่ต่างจากเส้นทางรถไฟฟ้าอื่นๆ แค่เพียงมีรถไฟฟ้าเข้ามา เรียกได้ว่าเป็นการปลุกชีพจรการพัฒนาที่ดิน การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ การเกิดขึ้นของย่านการค้า ชุมชน สร้างเศรษฐกิจสะพัดตลอดแนวเส้นทางเลยทีเดียว

จุดพลุการท่องเที่ยวริมน้ำเจ้าพระยา

ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ไอคอนสยามยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวริมน้ำเจ้าพระยา ซึ่งสำหรับแม่น้ำเจ้าพระยา เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่และเป็นสายน้ำแห่งชีวิตของกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางที่สามารถนำผู้มาเยือนเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นวัด วัง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงชุมชนริมแม่น้ำโดยรอบ โดยสมาคมการค้าธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยา ระบุไว้ว่า ธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาในภาพรวมคาดการณ์อัตราการ 20-30% หรือมีมูลค่ารวมกว่า 100,000 ล้านบาทในปีนี้ จาก 70,000-80,000 ล้านบาทในปี 2561 อันเนื่องมาจากการเติบโตของพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและโอกาสทางธุรกิจแห่งอนาคต จึงลงทุนต่อเนื่องทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ โรงแรมระดับ 5 ดาว โครงการมิกซ์ยูส รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว ภัตตาคาร ร้านอาหาร เรือนำเที่ยว เรือดินเนอร์กลางคืน ฯลฯ

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา “ไอคอนสยาม” ได้ดีไซน์พื้นที่ขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กว่า 10,000 ตร.ม. ที่เรียกกว่าริเวอร์พาร์ค (River Park) รองรับบรรดาบิ๊กอีเว้นท์ระดับชาติซึ่งได้เตรียม “บิ๊กอีเว้นท์” ในทุกๆ เทศกาล สร้างสีสันการท่องเที่ยวสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกปักหมุดเป็นจุดหมายปลายทางที่พลาดไม่ได้ในวาระพิเศษ

นอกจากนี้ยังได้วางตัวในฐานะ Community Space เปิดให้สาธารณชนเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ทุกวัน ทั้งพักผ่อนหย่อนใจและสัมผัสกับความงดงามของบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการจุดประกายการท่องเที่ยวตลอดคุ้งน้ำเจ้าพระยาให้คึกคักขึ้นอย่างมาก จากการสร้างประโยชน์ร่วมกัน หรือการแผ่กระจายผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในวงกว้าง ตามคอนเซปต์ “Create Shared Value”

ขณะเดียวกันตัวเลขผู้เข้ามาใช้บริการในไอคอนสยามเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า การท่องเที่ยวริมน้ำเจ้าพระยาคึกตึกขึ้นมากเพียงใด ปัจจุบันไอคอนสยามมีผู้มาเยือนเฉลี่ย 150,000 คนต่อวัน โดยวันจัดกิจกรรมส่งท้ายปีผู้มาใช้บริการสูงถึง 200,000 คนต่อวัน เทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ยังพบว่า ธุรกิจเรือโดยสารและเรือด่วนเจ้าพระยามีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติถึง 25% ผู้ประกอบการเรือหลายรายเพิ่มเที่ยวให้บริการเรือเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว จากปกติ 160-180 เที่ยวต่อวัน เป็น 618 เที่ยวต่อวัน สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นทั้งผู้ประกอบการเรือ พนักงานเรือ ท่าเรือ รวมไปถึงร้านค้าขายทั้งใหญ่และเล็กโดยรอบท่าเรือ

ส่วนโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งมักจะถูกจองเต็มเป็นประจำทุกปีในคืนเคาท์ดาวน์ พบว่านักท่องเที่ยวส่วนมากตัดสินใจเพิ่มระยะเวลาการเข้าพักให้นานขึ้น จากเดิมเฉลี่ย 1 คืน เป็น 2-3 คืน ผู้เข้าพักเป็นชาวไทย 20% ต่างชาติ 80% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ ที่ผู้เข้าพักจะเป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด ขณะเดียวกันปัจจุบันอัตราการเข้าพักของโรงแรมระดับ 5 ดาวในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นถึง 85-90%

การสัญจรทางน้ำได้รับความนิยมกระตุ้น การลงทุนธุรกิจเรือโดยสาร-เรือนำเที่ยว

ไอคอนสยาม ยังมาพร้อมการสร้างมิติใหม่ในการเดินทาง “รถ-ราง-เรือ” โดยเฉพาะการสัญจรทางน้ำที่พบว่าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลังเปิดบริการไอคอนสยาม คาดการณ์ระบบการเดินทางของแม่น้ำเจ้าพระยามีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10-15% หรือเพิ่มจาก 40,000 คนต่อวัน เป็น 50,000 คนต่อวัน ขณะที่เรือโดยสารท่องเที่ยว และเรือภัตตาคาร มีจำนวนผู้ใช้บริการมากเพิ่มขึ้น

ข้อมูล บริษัท เจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ท จำกัด ในเครือบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ระบุว่า ได้มีการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ต่อเรือโดยสาร 2 ชั้น เพิ่มขึ้น 3 ลำ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในการเดินทาง คาดว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ทจาก 3,500 คนต่อวันเป็น 5,000-6,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ยังมีเรือสำหรับให้บริการ นักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มหรือผู้ที่สนใจเช่าเรือโดยสารแบบเหมาลำด้วย

ทางด้าน บริษัท เมอริเดียน ครูซ จำกัด ผู้บริหารเรือ Meridian Cruise เรือดินเนอร์ลำใหม่ล่าสุดในแม่น้ำเจ้าพระยา ระบุเช่นเดียวกันว่า ผู้ประกอบการหลายรายสั่งต่อเรือดินเนอร์ออกมาให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนเรือเมอริเดียน ครูซ ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2561 มีการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ให้บริการ 3 รอบ เวลา 16.00 น. และ 17.00 น. รองรับทัวร์จีนโดยเฉพาะ และรอบดินเนอร์ เวลา 20.00-22.00 น. จอดให้บริการที่ท่าเรือไอคอนสยาม ขณะนี้ได้สั่งต่อเรือเพิ่มขึ้นอีก 1 ลำ คาดนำมาบริการได้ภายในสิ้นปีนี้

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ตอกย้ำความเป็นอภิมหาโครงการเมืองสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ก้าวสู่หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญของโลก (World Destination) ที่ทุกคนต้องการมาเยี่ยมเยือน