คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศดัชนีขีดความสามารถทางการแข่งขันระดับโลกของ World Economic Forum (WEF)
ชี้ระดับความสามารถไทยดีขึ้นแม้อันดับจะลดลง โดยได้คะแนนที่ 68.1 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 67.5 คะแนน อยู่ในอันดับ 40 ของโลก พร้อมเสนอแนะต้องเร่งพัฒนาให้ทันกับประเทศอื่นทั่วโลก ขณะที่สิงคโปร์ ล้มแชมป์เก่าสหรัฐฯ คว้าอันดับหนึ่งไปครอง
โดยในปี 2019 นี้ ประเทศไทยมีดัชนีความสามารถทางการแข่งขันที่ดีขึ้นจากปี 2018 เดิม 67.5 คะแนนเป็น 68.1 คะแนนและอยู่ในอันดับที่ 40 ของโลก จากทั้งหมด 141 ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับ
สำหรับอันดับ 1 ปีนี้มีการล้มแชมป์เกิดขึ้น ประเทศสิงคโปร์ได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 โดยล้มแชมป์เก่า คือ สหรัฐอเมริกา ที่ตกลงไปเป็นอันดับ 2 ตามมาด้วย ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เยอรมนี สวีเดน สหราชอาณาจักร และเดนมาร์ก ตามลำดับ
ข้อสังเกตสำคัญในปีนี้ คือ ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดสูงที่สุดในโลก โดยมีค่าดัชนีเพิ่มขึ้นถึง 3.5 คะแนน ทำให้อันดับขยับเพิ่มขึ้นได้ถึง 10 อันดับ จากอันดับที่ 77 เมื่อปีที่ผ่านมา ขึ้นเป็นอันดับที่ 67 ของโลกในปีนี้
เมื่อเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศ ASEAN+3 พบว่า ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 6 จาก 12 ประเทศ โดยเป็นรองสิงคโปร์ (อันดับ 1) ญี่ปุ่น (อันดับ 6) เกาหลีใต้ (อันดับ 13) มาเลเซีย (อันดับ 27) และจีน (อันดับ 28) และมีอันดับสูงกว่าประเทศอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย (อันดับ 50) บรูไน (อันดับ 56) ฟิลิปปินส์ (อันดับ 64) เวียดนาม (อันดับ 67) กัมพูชา (อันดับ 106) ลาว (อันดับ 113) โดยที่ประเทศพม่าไม่ได้รับการจัดอันดับ
ตัวเลขดัชนีชี้วัดดังกล่าวในปีนี้ คงเป็นผลสะท้อนจากการพัฒนาประเทศไทยในปีที่ผ่านมา แต่บทสรุปของดัชนีต่างๆ คงไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขว่า เพิ่มขึ้นหรือน้อยลงเพียงเท่านั้น เนื่องจากความสามารถทางการแข่งขันในเวทีโลกที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เกิดจากการพัฒนาประเทศตามลำพัง แต่เกิดจากความสามารถในเชิงเปรียบเทียบกับการพัฒนาของประเทศอื่นๆ อีกด้วย แม้ว่า ระดับความสามารถของประเทศเพิ่มขึ้น แต่บริบทของเศรษฐกิจโลกก้าวพัฒนาไปมากกว่า จึงต้องอาศัยกลยุทธ์การพัฒนาที่เหนือกว่าประเทศคู่แข่งขันเป็นสำคัญ
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทั้งหมดจากผลข้อมูลจากองค์กร WEF พบว่า หากมีการเร่งพัฒนาในเรื่องของการลดการทุจริต ปรับปรุงคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาทักษะของคนในประเทศ และมีนโยบายที่ช่วยลดช่องว่างในการแข่งขันของตลาดภายในประเทศ ซึ่งเป็นดัชนีที่มีค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักมาก แต่ประเทศไทยเรายังทำได้ไม่ดีนัก ก็จะสามารถทำให้ประเทศไทยมีอันดับการแข่งขันที่ดีขึ้นมากได้
ในขณะที่การพัฒนาในเรื่องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และการมีสุขภาพดีอายุที่ยืนยาวของคนในประเทศ ซึ่งเป็นดัชนีที่มีค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักมาก และประเทศไทยทำได้ดีอยู่แล้ว รวมทั้งสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไปได้ง่าย ก็จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศไทยได้อย่างก้าวกระโดด และส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้อยู่ในอันดับที่สูงขึ้นต่อไปได้