เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม MICE ของไทย ที่สร้างเม็ดเงินปีละกว่า 2.13 แสนล้านบาทให้เติบโตต่อไปอีก ทำให้ “ไอคอนสยาม” โปรเจ็กต์ยักษ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาพัฒนาพื้นที่ส่วนหนึ่งบนชั้น 7-8 ของโครงการขึ้นมารองรับการประชุมสัมมนา โชว์การแสดง การจัดนิทรรศการ และอีเวนท์โดยผนึกความร่วมมือกับ “ทรู” ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ที่มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญในการนำเทคโนโลยีสื่อสารล้ำสมัยมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ Gigabit เร็วที่สุดในประเทศไทยขณะนี้
ด้วยเม็ดเงินลงทุน 2,000 ล้านบาทจากการร่วมทุนฝั่งละ 50% ของไอคอนสยามและทรู คอร์ปอเรชั่น พัฒนาเป็นพื้นที่ ทรู ไอคอน ฮอลล์ พื้นที่ขนาด 12,000 ตารางเมตรบนชั้น 7-8 ของไอคอนสยาม ซึ่งเป็นหนึ่งใน “เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์” ที่เมกะโปรเจ็กต์แห่งนี้วางกลยุทธ์ให้เป็นแม่เหล็กสำคัญสำหรับดึงดูดผู้คนสู่โครงการ และเข้าสู่ประเทศไทย พร้อมกับช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรม MICE ของไทยให้เติบโตและสามารถเป็นศูนย์กลางของการประชุม การจัดแสดงงาน และความบันเทิงต่างๆ ของภูมิภาค พร้อมกับช่วยกระตุ้นการพัฒนาพื้นที่ฝั่งธนบุรี และช่วยให้โรงแรมระดับ 4-5 ดาวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีอัตราการเข้าพักสูงขึ้น
สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า พื้นที่ทรู ไอคอน ฮอลล์ ถือเป็นการเสริมแกร่งศักยภาพอุตสาหกรรม MICE ของประเทศไทย โดยมองจุดเด่นของทรู ไอคอน ฮอลล์ คือทำเลที่ตั้งริมแม่น้ำในจุดที่สวยงามที่สุดของโค้งน้ำเจ้าพระยา แวดล้อมด้วยพันธมิตรโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวริมน้ำ และมีร้านอาหารกว่า 100 ร้านในไอคอนสยามที่สามารถรองรับความต้องการด้านจัดเลี้ยงอาหารและการจัดกิจกรรมของผู้จัดงาน ผู้เข้าประชุม และผู้ติดตาม ได้อย่างครบถ้วน
“เราจะดึงงานอีเวนท์ การแสดงความบันเทิง การประชุมเข้ามาที่นี่ โดยเฉพาะงานที่ไม่เคยมาเมืองไทยมาก่อนเพราะมองว่าในอดีตไทยไม่มีสถานที่ที่พร้อม ด้วยการเปิดตัวทรู ไอคอน ฮอลล์จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายใหม่ของกลุ่ม MICE” สุพจน์กล่าว
ทางด้าน พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างไอคอนสยามกับทรูในครั้งนี้ นับว่าเป็นการรวมสิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องของสถานที่และเทคโนโลยี “Best of both Worlds” เข้าด้วยกัน โดยกลุ่มทรู มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญในการนำเทคโนโลยีสื่อสารล้ำสมัยมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ซึ่งจะทำให้ทรู ไอคอน ฮอลล์ แห่งนี้ เป็นไอคอนที่แท้จริงของการสร้างประสบการณ์ สร้างความสุขจากการได้เข้ามาเยือน ทั้งสิ่งที่เห็น ได้ยิน และได้สัมผัส
(ซ้าย) พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (กลาง) ทาลูน เทง หัวหน้าคณะผู้บริหาร ทรู ไอคอน ฮอลล์ และ (ขวา) สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด
ฝั่ง ทาลูน เทง หัวหน้าคณะผู้บริหาร ทรู ไอคอน ฮอลล์ เจาะลึกถึงศักยภาพของศูนย์ประชุมใหม่แห่งนี้ว่าเป็นสถานที่จัดงานขนาดกลางที่เน้นงานระดับพรีเมียมลักชัวรีเป็นหลัก มีจุดสำคัญคือบริเวณด้านในทรู ไอคอน ฮอลล์ขนาด 2,700 ที่นั่งซึ่งลงทุนระบบแสงสีเสียงทันสมัย ออกแบบโดยดีไซเนอร์จากแคนาดาและสเปน ทั้งยังมีบริเวณสุราลัยฮอลล์ และ นภาลัย เทอเรซ ด้านหน้าหอประชุมซึ่งสามารถรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบพาโนรามา รวมถึงห้องประชุมเล็กอีก 14 ห้องรองรับงานแถลงข่าว เวิร์กชอป จัดเลี้ยงย่อย ฯลฯ
ทาลูนยังบอกเล่าถึงเทคโนโลยีในเชิงงานดีไซน์และแสง สี เสียงของทรู ไอคอน ฮอลล์ที่จะตอบสนองการจัดงานได้ตามที่ลูกค้าต้องการ เช่น
– Retractable Seating ที่นั่งพับเก็บอัตโนมัติ สามารถเก็บเก้าอี้ทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานในหอประชุม และที่นั่งมีช่องเสียบชาร์จ USB เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ชม
– LED Ceiling เพดานติดตั้งไฟ LED ตั้งโปรแกรมเปลี่ยนลวดลายของไฟเพื่อเสริมบรรยากาศการแสดง
– Automatic Rigging Bar บนเวที ด้วยความเร็วมาตรฐานเทียบโรงละครต่างประเทศ
– ระบบเสียงแบบ Line Array จาก JBL สร้างมิติและทิศทางเสียงเทียบชั้นระดับโลก
ระบบไฟ LED บนเพดาน ปรับแต่งรูปแบบสีสันให้เข้ากับการแสดง และระบบเสียง Line Array จาก JBL
อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับการจัดงานประชุมยุคใหม่คือเทคโนโลยีไร้สาย โดย พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมถึงศักยภาพอันล้ำสมัยของทรู ไอคอน ฮอลล์ ว่า ทรูลงทุนเฉพาะส่วนเทคโนโลยีสื่อสารไป 400 ล้านบาท วางไฟเบอร์ ออพติกทุกจุดในฮอลล์ด้วยความเร็วสูง Gigabit Technology เร็วที่สุดในประเทศไทย ส่วนการสื่อสารไร้สาย วางโครงข่าย 4G WIFI ครอบคลุมทั้งฮอลล์เช่นกัน และยังเตรียมพร้อมรองรับ 5G ในอนาคตที่จะให้ความเร็วมากกว่าเดิม 20 เท่า
การวางโครงข่ายของทรูเกิดขึ้นเพราะมองเห็นอนาคตของ MICE ที่ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมมักมีการสตรีมมิ่งกิจกรรมซึ่งต้องอาศัยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อความไหลลื่นไม่สะดุด รวมถึงทรูจะสร้างโชว์เคสเทคโนโลยีจัดประชุมที่น่าสนใจ เช่น ระบบ Face Recognition สแกนใบหน้าเข้างานได้อย่างรวดเร็ว หรือระบบ Audio Translation ผ่านแอพพลิเคชั่น รับฟังคำแปลภาษาได้ในมือถือของตนเอง หมดปัญหาความยุ่งยากจากการรับและคืนหูฟังวิทยุแปลภาษารูปแบบเดิม
พื้นที่สุราลัย ฮอลล์ ตกแต่งด้วยโทนสีทองและทองแดง สำหรับใช้เป็นโถงต้อนรับหรือเพิ่มพื้นที่จัดนิทรรศการ
จากความพร้อมทั้งหมดทำให้ทรู ไอคอน ฮอลล์มีการจองใช้พื้นที่เต็มจนถึงสิ้นปีนี้ โดยมีกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น มหกรรมเลโก้ “BRICK LIVE Built for LEGO fans” วันที่ 14-17 พฤศจิกายน 2562, การแข่งขัน “E-Sport Game (AOV: Arena of Valor) วันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2562, การแสดงงิ้ว “มหาอุปรากรสะท้านปฐพี” วันที่ 13-16 ธันวาคม 2562 เป็นต้น
ส่วนปีหน้ามียอดจองพื้นที่เข้ามาแล้ว 30 งาน และอยู่ระหว่างพูดคุย 100 งาน ซึ่ง “ทาลูน” กล่าวว่า เชื่อว่าปีแรกของทรู ไอคอน ฮอลล์จะมีการจองพื้นที่ราว 130-150 งาน เป้ารายได้ 200 ล้านบาท ในจำนวนนี้แบ่งสัดส่วนเป็น งานประชุมสัมมนา 30% งานแสดงความบันเทิง 25% งานอีเวนท์พิเศษ 25% งานจัดเลี้ยงฉลอง 10% และงานนิทรรศการ 10%
ยอดการจองพื้นที่จัดงานล่วงหน้าสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของทรู ไอคอน ฮอลล์ ในฐานะศูนย์กลางของการประชุม การจัดแสดงงานและความบันเทิงที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา ซึ่งจะดึงดูดงานประชุมและการแสดงที่สำคัญและเหนือระดับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สมกับที่ สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด ได้กล่าวไว้ว่า ทรู ไอคอน ฮอลล์ คืออีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของการนำพาประเทศไทยไปชนะใจคนทั้งโลก