ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลมากที่สุดในโลก มีเหตุการณ์ที่สัตว์น้ำหายาก เช่น วาฬนำร่อง เต่าทะเล รวมไปถึงพะยูนอย่างกรณีของมาเรียม ที่เสียชีวิตเนื่องจากผลของขยะพลาสติกในทะเลเป็นประจำ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งรายงานว่า ในช่วงปี 2560 มีสัตว์น้ำตายและบาดเจ็บเพราะปัญหาขยะพลาสติกในทะเลโดยตรงไม่ต่ำกว่า 129 ตัว
นอกจากปัญหาขยะในท้องทะเล จะส่งผลกระทบโดยตรงกับสัตว์น้ำแล้ว ระบบนิเวศในท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแนวปะการังเสื่อมโทรม อันตรายจากขยะมีคมหรือขยะมีพิษ มลภาวะใต้ท้องทะเลที่อาจจะเกิดขึ้น ปัญหาขยะในท้องทะเลที่ส่งผลกระทบในวงกว้างขึ้นทุกวัน ทั้งต่อสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ คุณภาพชีวิตของคนในชุมชน บริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้เล็งเห็นความสำคัญ จึงริเริ่มโครงการ “#SeaYouTomorrowRunวิ่งคืนคุณค่าสู่ทะเล” เพื่อสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งปลูกฝังจิตสำนึก ในการช่วยลดปัญหาและผลกระทบจากชุมชนเมืองที่ส่งผลต่อทรัพยากรทางทะเล
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานหลัก โดยนายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า สำหรับงาน #SeaYouTomorrowRUNวิ่งคืนคุณค่าสู่ทะเล นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ต่อยอดจากโครงการ #SeaYouTomorrowทะเลวันพรุ่งนี้อยู่ในมือคุณ ซึ่งเป็นโครงการหลักในด้านการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของ สิงห์ เอสเตท
โดยการจัดงานครั้งนี้นอกจากเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนได้ดูแลสุขภาพตนเองผ่านกิจกรรมวิ่งแล้ว เรายังต้องการสอดแทรกองค์ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของขยะทะเลที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนร่วมใจกันลด ละ เลิก การสร้างขยะ โดยเฉพาะขยะพลาสติก โดยนับตั้งแต่มีการเปิดรับสมัครการแข่งขันวิ่งตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผลปรากฎว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมีผู้ลงสมัครมากกว่า 2,000 คน และมียอดเงินจากการลงสมัครวิ่งอยู่ที่ 1,165,800 บาท ซึ่งยอดเงินทั้งหมดนี้ทาง สิงห์ เอสเตท จะนำไปสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานที่ช่วยคืนคุณค่าสู่ทะเลทั้งหมด 4 หน่วยงาน ได้แก่ โรงพยาบาลเต่าทะเล ศูนย์อนุรักษ์พันธ์เต่าทะเลกองทัพเรือ สัตหีบ, กลุ่มจิตอาสา Sattahip Beach Defender, กลุ่มจิตอาสา Green Road และกลุ่มจิตอาสา Mahasamut Patrol
“#SeaYouTomorrowRunวิ่งคืนคุณค่าสู่ทะเล” เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และ สิงห์ เอสเตท จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่าน บริเวณศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ สัตหีบ” นายนริศ กล่าว
พลเรือตรี อุทัย ชีวะสุทธิ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กล่าวว่า “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล มีภารกิจในการดูแลอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ให้คงอยู่คู่ท้องทะเลไทย ด้วยการเพาะฟักไข่เต่าทะเลและอนุบาลลูกเต่าทะเล จนกว่าจะมีความแข็งแรง แล้วจึงปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ นอกจากนี้ยังทำการดูแลรักษาเต่าทะเลที่เจ็บป่วย รวมทั้งให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจการที่ สิงห์ เอสเตท เข้ามาร่วมรณรงค์ในการอนุรักษ์เต่าทะเล ถือเป็นโอกาสอันดีที่ 2 หน่วยงาน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อปลุกจิตสำนึกให้ตระหนักถึงปัญหาขยะ จากชุมชนลงไปสู่ท้องทะเลและขยายวงกว้างออกไปสู่กลุ่มคนเมืองผ่านกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะกิจกรรม#SeaYouTomorrowRunวิ่งคืนคุณค่าสู่ทะเล รวมทั้งยังมีกิจกรรมPlogging หรือการวิ่งเก็บขยะ เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการลดปริมาณขยะ และผลกระทบที่มีต่อระบบนิเวศในท้องทะเลไทย”
ด้านนางสาวมารีญา พูนเลิศลาภ มิสยูนิเวอร์สไทยแลนด์ 2017 ซึ่งได้เข้าร่วมกิจกรรม PloggingRunพร้อมด้วยอาสาสมัครกว่า 200 คน มาร่วมวิ่งเก็บขยะบริเวณชายหาดสัตหีบ ซึ่งขยะที่เก็บได้จะถูกคัดแยกและส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง ได้แก่ขยะพลาสติกทางกลุ่มจิตอาสา Green Road จะคัดแยกและนำไปทำเป็นบล็อกปูถนนด้านกลุ่ม Sattahip Beach Defender จะคัดแยกขยะที่ใช้ได้เพื่อทำเป็น upcyclingproduct ส่วนขยะที่เหลือและไม่สามารถนำกลับไปใช้ใหม่ได้จะถูกนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี ณ โรงกำจัดขยะขนาดใหญ่ เทศบาลตำบลเขตอุดมศักดิ์ อำเภอสัตหีบที่ได้มาตรฐานทำให้ไม่มีขยะไหลเวียนกลับไปสู่ธรรมชาติอีก
นางสาวมารีญา กล่าวว่า สำหรับงาน #SeaYouTomorrowRun เป็นงานวิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะว่าไม่ได้เป็นงานวิ่งธรรมดา มันเป็นการวิ่งแบบ Plogging ที่เราจะวิ่งไปด้วยเก็บขยะไปด้วย คิดว่าจะสามารถสร้างความรู้ให้กับคนที่มาร่วมงาน และจะทำให้เราคิดมากขึ้นว่าเมื่อเราใช้อะไรมันจะกลายเป็นขยะ เมื่อเรารู้แบบนี้ หรือคิดแบบนี้ได้ มันเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่นำไปสู้การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากตัวเราเองและนำไปสู่การผนึกกำลังกับคนอื่นๆ ในการต่อสู้กับขยะในอนาคต
“น้ำคือบ้านของปลา สิ่งที่เราโยนออกไปในน้ำ ง่ายๆ คิดว่าโอเค ไม่มีปัญหาหรอก มันก็กลับไปอยู่ในบ้านของปลา สิ่งแวดล้อมคือเรื่องของวันนี้ เราต้องรู้ก่อนว่าปัญหาคืออะไร และเราต้องเป็นผู้บริโภคคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น การจะสร้างความเปลี่ยนแปลง ต้องหาแรงจูงใจ เราต้องเริ่มทำเองก่อน และพยายามบอกคนเรื่อยๆ ทุกคนที่เราเจอ ทุกคนที่เราคุย คนก็จะเริ่มทำตาม ถ้าเราทำจริงๆ และเราพูดถึงเรื่องบ่อยๆ คนรอบข้างจะรู้” มารีญากล่าว
นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวทะเลมากมาย อาทิ นิทรรศการแสดงให้ความรู้เรื่องขยะทะเล รวมทั้งงานทอล์คให้ความรู้ อาทิ ทอล์คหัวข้อ “คืนคุณค่าสู่ทะเล” โดยดร. ธรณ์ ธารงนาวาสวัสดิ์ และ“S talks เรื่องเล่าจากทะเล”โดยหน่วยงานที่ร่วมคืนคุณค่าสู่ทะเลติดตามรายละเอียดกิจกรรมและข้อมูลดีๆ เพื่อท้องทะเลภายใต้การทำงานของ สิงห์ เอสเตท ได้อย่างต่อเนื่องที่ www.seayoutomorrow.org