JD Sports ร้านมัลติแบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้ากีฬาจากอังกฤษครบขวบปีแรกการเข้าสู่ตลาดไทย เริ่มต้นที่ไอคอนสยามก่อนขยายสู่ 4 สาขา กางแผนปีหน้าเปิดเพิ่มอย่างน้อย 2 สาขา พร้อมวางระบบอีคอมเมิร์ซ จัดสินค้าในร้านเอาใจผู้หญิง
หลังจากเปิดสาขาแรก ณ ไอคอนสยามพร้อมๆ กับการเปิดตัวของศูนย์การค้า 1 ปีเวียนมา ทาง JD Sports ประกาศความสำเร็จของตนเองในสาขานี้ เป็นร้านที่ทำยอดขายสูงสุดของห้างฯ ในหมวดกีฬาและไลฟ์สไตล์ และเป็นอันดับ 2 ในหมวดร้านที่เป็นแบรนด์นำเข้า
ในรอบปี JD Sports ยังขยายไปปักหมุดอีก 3 สาขา ได้แก่ เมกา บางนา, สยามเซ็นเตอร์ และเทอร์มินอล 21 ทำให้ประเทศไทยมีร้าน JD Sports 4 สาขาเท่ากันกับสิงคโปร์ แต่ยังน้อยกว่ามาเลเซียที่มี 13 สาขาหลังจากเข้าตลาด 3 ปี
“เศรษฐกิจไทยในช่วงปีที่ผ่านมาอาจจะไม่ดีมาก แต่เรายังทำยอดขายได้ตามเป้า เพราะคนไทยรู้จักและชื่นชอบแบรนด์ JD Sports อยู่แล้ว” ลูซีนดา เบอร์เกสซ์ ผู้จัดการแบรนด์และหัวหน้าฝ่ายเจดี เอเชีย แปซิฟิก JD Sports กล่าว
ลูซีนดาแย้มว่าขณะนี้บริษัทกำลังดีลกับศูนย์การค้าอีก 2 แห่งเพื่อเปิดสาขาใหม่ในปีหน้า โดยยังคงเน้นหนักในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน หากมีสาขาครอบคลุมแล้วจึงจะขยับไปในต่างจังหวัด
คนไทย #สายแฟ
กระแสการแต่งกายสไตล์แฟชันกีฬาในชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นทั้งในระดับโลกและในไทยนั้นเป็นผลบวกกับ JD Sports อย่างมาก เพราะร้านนี้เน้นขายสนีกเกอร์และเครื่องแต่งกายแฟชัน ไม่เน้นด้านเพอร์ฟอร์มานซ์หรือกลุ่มเสื้อผ้ารองเท้าที่ออกแบบและผลิตเพื่อประสิทธิภาพในสนามกีฬา เมื่อเสื้อผ้ารองเท้ากีฬาเข้ามาอยู่ในกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่แค่การออกกำลังกายทำให้เร่งพฤติกรรมการซื้อมากขึ้น
สินค้าแฟชันกีฬาเหล่านี้บริษัทกำลังปรับเพื่อให้เข้ากับตลาดไทยมากขึ้น โดยลูซีนดากล่าวถึงพฤติกรรมผู้บริโภคไทยว่า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนวัย 20-30 ปี และมีลูกค้าผู้หญิงมากเป็นพิเศษ ทำให้ร้านกำลังปรับสินค้าเป็นอัตราส่วน สินค้าผู้หญิง 40% สินค้าผู้ชาย 40% และสินค้าสำหรับเด็ก 20% จากปกติจะมีสินค้าผู้หญิงน้อยกว่านี้
“เทียบกับประเทศอื่นแล้วผู้ซื้อชาวไทยตามเทรนด์แฟชันมากกว่า เป็นนักผจญภัยในการแต่งตัวคือชื่นชอบสินค้ามีสีสัน แปลกใหม่ ดูโดดเด่น มีนักสะสมสนีกเกอร์มาก และมีลูกค้าผู้หญิงมากกว่าประเทศอื่นอย่างชัดเจน” ลูซีนดากล่าวถึงพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย
โดยสินค้าที่ลงขายใน JD Sports ประเทศไทยขณะนี้ได้แก่ Nike, Adidas, Puma, Reebok, New Balance, Fila, Vans, Champion, Crep Protect และปีหน้าจะมีแบรนด์ใหม่เพิ่มเติมคือ Converse, Lacoste และเฮาส์แบรนด์ของร้านเองคือ Supply & Demand และ Pink Soda
เปิดอีคอมเมิร์ซครบลูป Omnichannel
นอกจากการขยายสาขาแล้ว JD Sports เตรียมเปิดเว็บไซต์ของตนเอง www.jdsports.co.th ภายในไตรมาส 1 ปี 2020 เพื่อเป็นช่องทางสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ตั้งเป้ามีสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์ 35% ภายใน 3 ปี ซึ่งลูซีนดามองว่าค่อนข้างสูงเทียบกับประเทศอื่น
ระบบนี้จะเชื่อมโยงกับ kiosk ภายในร้านรีเทลด้วย kiosk นี้จะเป็นจุดสั่งซื้อและรับของภายในร้าน ทำให้การขายเป็นระบบ Omnichannel ลูกค้าสามารถเช็กของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ สั่งซื้อ และมาลองสินค้าที่ร้าน หรือกลับกันคือลูกค้ามาลองสินค้าในร้าน แต่ร้านอาจไม่มีสต็อก ก็สามารถสั่งผ่าน kiosk เพื่อซื้อออนไลน์ให้จัดส่งที่บ้านได้
ทั้งนี้ ระบบขายออนไลน์ของ JD Sports จะมีเฉพาะช่องทางเว็บไซต์ของแบรนด์เท่านั้น ยังไม่มีแผนการขายบนมาร์เก็ตเพลซ ซึ่งเป็นนโยบายกลางทั้งในไทยและประเทศอื่นๆ ของเอเชียแปซิฟิก