เฮเฟเล่ ที่มีจุดเริ่มต้นโดย Adolf Hafeleที่ตัดสินใจตั้งร้านจำหน่ายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ขึ้นในปี 1923 ที่เมือง Aulendorfประเทศเยอรมนี ด้วยความเชี่ยวชาญการจัดหาสินค้าให้กับช่างไม้ ช่างต่อตู้และโต๊ะเฟอร์นิเจอร์จนเป็นที่ยอมรับและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจจากนั้นได้รุกออกไปตั้งสำนักงานขายในต่างประเทศ หนึ่งในนั้นมีประเทศไทยอยู่ในแผนที่ของการลงทุนจนถึงวันนี้ 96 ปีของการออกเดินในตลาดเยอรมนี และนับเป็น 25 ปีในประเทศไทยโมเดลและแนวทางการทำงานยังคงสไตล์ไว้อย่างชัดเจนนั่นคือ ก้าวจากเล็กสู่ใหญ่ ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ เติบโต โดยมองที่ความยั่งยืนของธุรกิจเป็นหลักด้วยสโลแกน “Complete Building Solutions เฮเฟเล่ อุปกรณ์ครบ จบทุกเรื่องงานอาคาร”จนปัจจุบัน เฮเฟเล่ ทั่วโลกมียอดขายกว่า1,400ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายโฟลเคอร์เฮลสเติร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การสร้างสินค้านวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยแห่งความสำเร็จด้วยยอดขายเฮเฟเล่ ประเทศไทย สามารถทำได้สามารถรั้งอันดับหนึ่งในเอเชีย ซึ่งจุดเริ่มต้น เฮเฟเล่ ประเทศไทย เริ่มตั้งสำนักขายแห่งแรกที่ถนนพระราม 3 เพื่อสร้างตลาด และรากฐานที่มั่นคงก่อน จากนั้นจึงเริ่มนำเสนอสินค้าและการบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการ รวมถึงนวัตกรรม และรูปแบบสินค้าที่ทันสมัย ใช้งานง่าย จนถึงปัจจุบัน มีรายการสินค้าที่นำเสนอมากกว่า 25,000 รายการ ในปี 2562 ได้มีการลงทุนเพิ่ม ปรับโฉมเฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สุขุมวิท 64 ใหม่ทั้งหมด และเปิดร้านค้าออนไลน์ ที่ www.hafelehome.co.th
และในปีนี้ เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด ครบรอบ 25 ปีถือเป็นย่างก้าวของความเป็นผู้ใหญ่ เป็นปีแห่งการพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จ เฮเฟเล่เติบโตด้วยประสบการณ์ที่แข็งแรง พร้อมสร้างศักยภาพใหม่ในโลกอนาคต และพร้อมเป็นผู้นำแห่งนวัตกรรมที่ล้ำหน้า เฮเฟเล่ขอสัญญาว่าจะดูแล และส่งต่อคุณภาพมาตรฐานเยอรมนี ให้พร้อมตอบโจทย์ความต้องการอย่างใส่ใจ
เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์เพื่อบ้าน อาคาร ที่สมบรูณ์แบบจึงได้จัดจัดโปรโมชั่นพิเศษ แจกรถยนต์ปอร์เช่ และรางวันอื่นๆกว่า 11 ล้านบาท เพื่อเป็นการคืนกำไร และเป็นการขอบคุณความไว้วางใจของคนไทยที่ทำให้ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา เป็น 25 ปี แห่งความผูกพัน”
นายโฟลเคอร์กล่าวต่ออีกไปว่า ในปี 62 นี้ เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) ได้มีการลงทุนครั้งใหญ่ในการขยายคลังสินค้าที่ศูนย์กระจายสินค้า บางนา ตราด ซึ่งเริ่มดำเนินการลงเสาเข็มตั้งแต่ 30 พฤศจิกายน 2561 โดยเพิ่มพื้นที่จาก 10,000 ตรม.เป็น 24,000 ตรม.ทำให้มีความสามารถรองรับสินค้าคงคลังได้มากขึ้น สต๊อกสินค้ามากกว่า 25,000 รายการ สำหรับกระจายไปยัง 6 โชว์รูมทั่วประเทศได้แก่ กรุงเทพฯ สาขาซอยสุขุมวิท 64 และ สาขาบางโพธิ์, พัทยา, หัวหิน, ภูเก็ตและเชียงใหม่ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ปัจจุบัน เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) มีกลุ่มสินค้าในการทำตลาดอยู่ 4 กลุ่มหลักๆกลุ่มอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ อาทิเช่น อุปกรณ์ประตู-หน้าต่าง, กลุ่มอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์, กลุ่มสินค้าสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว ในขณะเดียวกัน เพื่อที่จะตอบโจทย์งานอาคารที่สมบรูณ์แบบ เฮเฟเล่ยังมีหมวดสินค้าย่อย เช่น กลุ่มสินค้าอะลูมิเนียม ประตูบานเลื่อนภายนอกและภายในอาคาร, หิน Caesar stone, อุปกรณ์แสงสว่างไฟ LED, ผนังบานเลื่อนแบบจัดเก็บ Moveable wall, เครื่องมือช่าง Hand tools ที่พร้อมจะเป็นตัวเลือกที่ครบครัน ตามสโลแกน ของเฮเฟเล่ ประเทศไทย คือ “ COMPLETE BUILDING SOLUTIONS “ หรือ “อุปกรณ์ครบ จบทุกเรื่องงานอาคาร” ทำให้ลูกค้าสามารถจบเรื่องงานบ้าน และอาคารที่เฮเฟเล่ได้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อเทียบยอดขายทั่วโลกของเฮเฟเล่ ประเทศไทยมียอดขายเป็นอันดับที่ 3 ของโลก เมื่อเทียบกับเฮเฟเล่ประเทศอื่นๆ และเป็นอันดับที่ 1 ของเอเซีย รองลงมาคือเฮเฟเล่ อินเดีย และเฮเฟเล่ เวียดนาม
ถึงวันนี้ เฮเฟเล่ ยังคงให้น้ำหนักกับตลาด B2B เป็นหลัก สำหรับตลาด B2C ซึ่งผู้บริหารยอมรับว่า แม้จะอยู่ในตลาดไทยเป็นเวลา 25 ปี แต่ตลาด B2C ยังเพิ่งเริ่มต้นในปีนี้ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการรุกเข้าตลาดออนไลน์ เฮเฟเล่ได้เล็งเห็นความสำคัญของช่องทาง e-commerce เช่นกัน โดยได้เริ่มพัฒนาทั้งรายการสินค้าและ platform สำหรับ e-commerce โดยผสานแนวคิด O2O, Online to Offline เพื่อนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งผลงานในปีนี้ของเฮเฟเล่นับว่าเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการเติบโตและตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าend consumer ดังที่เห็นจากงาน Big Clearance Sale ปีนี้ เฮเฟเล่สามารถขายสินค้าในกลุ่ม e-commerce ได้กว่า 4,500 ชิ้น ใน 3 วัน ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า Online เป็นช่องทางที่เฮเฟเล่ให้ความสำคัญที่ต้องพัฒนาต่อและยังมีโอกาสทางธุรกิจอยู่อีกมาก
นายโฟลเคอร์กล่าวต่อไปอีกว่า ปี 2563 ถือเป็นอีกปีที่เฮเฟเล่นั้นจะพิสูจน์ความเป็นเลิศในการตอบโจทย์ Complete Building Solutions โดยการนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์งานอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าภายใต้ Concept Green product (LEED and WELL standard) และ Circular system มากยิ่งขึ้นรักษาช่องทางการขายหลัก ทั้งส่วนงานโครงการ, ค้าปลีก และโรงงาน โดยการตอบโจทย์ทั้งด้าน คุณภาพสินค้า ความหลากหลาย และความพร้อมของสินค้ากว่า 25,000 รายการที่พร้อมจัดส่งได้ทันที พร้อมเสริมสร้างความเข้มแข็งสำหรับช่องทางใหม่ไม่ว่าจะเป็นการ customizing product สำหรับ chain store ทั้งกลุ่ม convenience store และ restaurant หรือ การผสานช่องทาง online กับ offline (O2O) ผ่านทาง plat form ของเราเองและคู่ค้า ใน e-commerce businessอีกด้วย