ยูพีเอส ประเทศไทย ยกระดับบริการ ผลักดันภาคส่งออกธุรกิจไฮเทค ยานยนต์ และการผลิตเชิงอุตสาหกรรมไทยให้เติบโต

  • การยกระดับบริการในประเทศไทยครั้งล่าสุดดันอุตสาหกรรมไฮเทคไทยส่งออกสินค้าสู่ไต้หวันเร็วขึ้น
  • ผู้ผลิตในนิคมอุตสาหกรรมในลำพูนส่งออกสินค้าสู่ปลายทางหลักในยุโรปและสหรัฐฯรวดเร็วยิ่งขึ้น
  • ผู้ผลิตสินค้าไฮเทค การผลิตเชิงอุตสาหกรรม และยานยนต์ในนิคมอุตสาหกรรมในชลบุรีนำเข้าสินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ยูพีเอสประกาศยกระดับศักยภาพการบริการในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจไทยเข้าถึงโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ รวมทั้งขยายปริมาณการส่งออกสู่ไต้หวัน คู่ค้าสำคัญของไทย  โดยมุ่งส่งเสริมการส่งออกในสามอุตสาหกรรมหลัก ไฮเทค ยานยนต์ และการผลิตเชิงอุตสาหกรรมที่มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง โดยยูพีเอสช่วยให้ทั้งสามอุตสาหกรรมคว้าโอกาสใหม่ ๆ จากการค้าโลกโดยเชื่อมโยงกับคู่ค้าใหม่ ๆ ในสหรัฐฯ และยุโรป และไต้หวัน ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การสร้างการเติบโตด้วยการขยายบริการให้ครอบคลุมพื้นที่ 1.4 ล้านรหัสไปรษณีย์ใน 41 ประเทศและเขตการปกครองในเอเชียแปซิฟิก

นิคมอุตสาหกรรมในภาคเหนือของไทยนับว่ามีบทบาทสำคัญในการผลักดันภาคอุตสาหกรรมไฮเทค ยูพีเอสมุ่งเน้นส่งเสริมจังหวัดลำพูน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว[1] ให้สร้างการเติบโตได้ด้วยการพัฒนาระบบซัพพลายเชนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น การยกระดับบริการของยูพีเอสในลำพูนประกอบด้วยตัวเลือกบริการส่งสินค้าที่รวดเร็วยิ่งขึ้นสำหรับการส่งออก ซึ่งถือเป็นการพัฒนาบริการครั้งสำคัญ เพราะผลิตภัณฑ์ไฮเทคมีวงจรชีวิตสั้นและความรวดเร็วในการตอบสนองความต้องการของตลาดคือปัจจัยสำคัญ เรายังได้ยกระดับบริการนำเข้าด่วนในชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้ได้รับประโยชน์จากระบบซัพพลายเชนที่เชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น ช่วยให้ผู้ผลิตเก็บสินค้าคงคลังปริมาณน้อยลง และสามารถตอบสนองคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้มากขึ้น ประโยชน์สำหรับลูกค้าที่สำคัญ ๆ ได้แก่

  • รับประกันวันรับสินค้า พร้อมระยะเวลาส่งที่เร็วขึ้นหนึ่งวันเต็ม สำหรับบริการ UPS Worldwide Expeditedในเอเชีย ช่วยให้ธุรกิจส่วนใหญ่ในภูมิภาคสามารถส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้ภายในสองวันทำการ พร้อมรับประกันวันรับสินค้า
  • ร่นระยะเวลาส่งสินค้าสั้นลงหนึ่งวันสำหรับการส่งออกสู่ไต้หวัน ไต้หวันคือคู่ค้าสำคัญของไทยในอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าไฮเทค โดยผู้ผลิตไทยได้รับประโยชน์จากการส่งออกผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปและชิ้นส่วนได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนั้น ยังเตรียมพร้อมรองรับปริมาณการค้าที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตจากการที่ไทยและไต้หวันเพิ่งลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อร่วมผลักดันอุตสาหกรรมไปสู่ดิจิทัลโดยมุ่งพัฒนา 4 อุตสาหกรรมคือเทคโนโลยีชีวภาพอาหารสิ่งทอระบบอัจฉริยะและเมืองอัจฉริยะโดยนำความสำเร็จจากสมาร์ทซิตี้ของไต้หวันเผยแพร่ให้กับอุตสหกรรมไทยเพื่อพัฒนาระบบอุตสาหกรรมแบบบูรณาการ
  • ระยะเวลาส่งสินค้าเร็วขึ้นหนึ่งวันสำหรับการส่งออกจากลำพูนสู่ปลายทางในยุโรปและสหรัฐฯ
  • เพิ่มรอบการเข้ารับสินค้าเวลา 4 โมงเย็น พร้อมระยะเวลาส่งสินค้ารวดเร็วขึ้นภายใน 2 วันเพื่อรองรับผู้ผลิตอุตสาหกรรมไฮเทคที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นและส่งสินค้าได้รวดเร็วขึ้นสู่ยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมไฮเทค ที่ความรวดเร็วในการตอบสนองความต้องการของตลาดมีความสำคัญมากเนื่องจากสินค้ามีวงจรชีวิตค่อนข้างสั้น
  • ส่งสินค้าถึงมือผู้รับเร็วขึ้น 2 ชั่วโมง (จากบ่าย 2 เป็นเที่ยงวัน) สำหรับการนำเข้าสินค้าด่วนสู่ปลายทางรหัสไปรษณีย์สำคัญ 2 แห่งซึ่งป้อนสินค้าสู่ธุรกิจกว่า 500 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในชลบุรี

การส่งสินค้านำเข้าถึงมือผู้รับได้รวดเร็วขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจการผลิตซึ่งจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนในการประกอบสินค้าหรือวัสดุที่ใช้ในการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อเร่งด่วน

  • ขยายบริการUPS Marketplace Shippingสู่ตลาดเอเชียเพิ่มเติม 10 ประเทศ[2] รวมทั้งประเทศไทย ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินคำสั่งซื้อผ่านตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ได้แบบอัตโนมัติ โดยลดความซับซ้อนของขั้นตอนการจัดการคำสั่งซื้อและจัดส่ง และเข้าถึงลูกค้าในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกได้มากขึ้น

รัสเซลรี้ดกรรมการผู้จัดการยูพีเอสประเทศไทยและเวียดนามกล่าวว่า “แม้ด้วยภาวะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจระดับมหภาคและซัพพลายเชนของโลกที่เปลี่ยนไป ประเทศไทยยังมีรากฐานที่แข็งแกร่งและรัฐบาลก็ได้ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความพร้อมของประเทศในฐานะศูนย์กลางการผลิตเชิงอุตสาหกรรมของภูมิภาค โดยมีอุตสาหกรรมไฮเทค ยานยนต์ และอุตสาหกรรมการผลิต เป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่มีสัดส่วนถึง 40% ของภาคการส่งออกของประเทศ [3]ผู้ประกอบการในสามอุตสาหกรรมดังกล่าวจึงจำเป็นต้องขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดใหม่ ๆ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งทางธุรกิจในตลาดที่ผันผวน การยกระดับบริการของยูพีเอสจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ผลิตไทยให้สามารถแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อการเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในการส่งออกสินค้า”

“ยูพีเอสมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ธุรกิจไทยเชื่อมโยงกับคู่ค้าในตลาดการค้าสำคัญ ๆ ของโลกและเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากแผนการยกระดับบริการ เรายังนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและงานวิจัยที่มีคุณค่าให้กับธุรกิจไทย เช่น  ผลงานวิจัย UPS 2019 Industrial Buying Dynamicsซึ่งทำการสำรวจกลุ่มผู้ซื้อภาคอุตสาหกรรมขององค์กรในสามประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เพื่อเผยให้เห็นถึงข้อมูลเชิงลึกของธุรกิจในระดับภูมิภาค รวมทั้งแนวโน้มการซื้อสินค้าของธุรกิจบีทูบีในประเทศไทยอย่างเจาะลึก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในการขยายขีดความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งส่งผลให้ยูพีเอสสามารถมอบโซลูชั่นที่ครบวงจรและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสำหรับผู้ผลิตไทย” รี้ดกล่าว

การยกระดับบริการคือส่วนหนึ่งของแผนสร้างการเติบโตระยะยาวในประเทศไทยของยูพีเอส ซึ่งมุ่งเน้นการขยายอาณาเขตพื้นที่การให้บริการ และเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดียิ่งขึ้นให้กับธุรกิจในอุตสาหกรรมไฮเทค ยานยนต์ และการผลิต ยูพีเอสยังคงขยายขอบข่ายบริการอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อรองรับปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ในวันที่ประเทศไทยกำลังมุ่งเสริมสร้างยุทธศาสตร์การเป็นประตูสู่เอเชีย รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และการบินของอาเซียน

เกี่ยวกับยูพีเอส

ยูพีเอส เป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจโลจิสติกส์ ด้วยโซลูชั่นต่าง ๆ ที่หลากหลายครบวงจรสำหรับการจัดส่งพัสดุภัณฑ์และคอนเทนเนอร์ บริการอำนวยความสะดวกสำหรับการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนการมุ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อการบริหารโลกของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยูพีเอสมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา และให้บริการในกว่า 220 ประเทศและเขตการปกครองต่าง ๆ ทั่วโลก ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับบริษัท สามารถค้นหาได้ที่เว็บไซต์ups.com หรือ pressroom.ups.com และบล็อกขององค์กรที่longitudes.ups.com ติดตามข่าวสารโดยตรงจากยูพีเอสได้ทาง Twitter ที่ @UPS_Asia

[1]Industrial Estate Authority

[2] ฮ่องกง ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย

[3]https://www.export.gov/article?id=Thailand-market-overview