‘ไวส์ โลจิสติกส์’ ชี้ ส่งออก-นำเข้า 2020 ปรับตัวดีขึ้น หลังสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ผ่อนคลาย มั่นใจ เติบโต 20%

แม้ปีที่ผ่านมา ‘ไวส์ โลจิสติกส์’ คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 20% ตามเป้าที่วางไว้ แต่กำไรกลับลดลง เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ อีกทั้งค่าเงินบาทที่แข็ง ทำให้ผู้นำเข้า-ส่งออกมีการขนส่งลดลง แต่ในปี 63 นี้ ไวส์ โลจิสติกส์ มั่นใจว่าธุรกิจโลจิสติกส์จะกลับมาสดใสอีกครั้ง

ชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ระบุว่า สงครามการค้าที่มีข้อตกลงกันแล้ว ส่งผลให้การนำเข้าส่งออกปรับตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาทิ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีแนวโน้มการนำที่ดีขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทก็คงทรงตัว เพราะรัฐบาลเข้ามาดูแล อีกทั้งตลาดจีนที่เป็นลูกค้าหลัก ทั้งในฮ่องกง เซียงไฮ้ กวางโจว เซินเจิ้น โดยเฉพาะลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็กมีโอกาสย้ายฐานการผลิตมายังไทย

จากปัจจัยบวกดังกล่าว อีกทั้งธุรกิจต่าง ๆ ที่บริษัทเข้าไปลงทุนขยายเครือข่าย ทั้ง WICE Logistics (Singapore) Pte.Ltd. (WICE SG) ,WICE Logistics (Hong Kong) Ltd. (WICE HK), EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO., LTD. (ETL), WICE Logistics (Shenzhen) Company Ltd. (WICE SZ) และ WICE Supply Chain Solutions ก็มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมั่นใจว่าปี 2563 WICE จะเติบโตได้ 20% มีรายได้รวม 2,700 ล้านบาท มีกำไร 5%

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จะมาจาก Air Freight จะอยู่ที่ 30% Sea Freight อยู่ที่ 30% Cross border อยู่ที่ 25% และ Logistics อยู่ที่ 15%

สำหรับกลยุทธ์ในปี 63 นี้ บริษัทได้หาตลาดใหม่ ๆ อาทิ อุตสาหกรรมการบิน (Aerospace) และสินค้านำเข้าธุรกิจค้าปลีก (Retail Market) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันบริษัทเริ่มมีลูกค้าแล้วทั้ง 2 กลุ่ม แต่ยังเป็นช่วงเริ่มต้น ดังนั้นต้องใช้เวลาสร้างตลาด

นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนในการลดต้นทุน โดยเริ่มพูดคุยกับทางพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ เนื่องจากปริมาณการขนส่งที่เติบโตขึ้น ทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรอง ทั้งในส่วนของซับคอนแทร็กและฟาซิลิตี้ ในส่วนของบริการโลจิสติกส์ขนส่งข้ามพรมแดน (Cross – Border Transport Services) ที่มีปัญหาด้านเที่ยวเปล่าในขากลับ ดังนั้น บริษัทเตรียมขยายการให้บริการขนส่งสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และเพิ่มปริมาณสินค้าเที่ยวขากลับให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถการทำกำไรดังกล่าว

“บริการ Cross Border ส่วนใหญ่เป็นลูกค้า B2B แต่ในอนาคตมีแนวคิดจะขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น โดยเน้นหาลูกค้าหลายรายรวมกันตู้เดียว เพื่อให้ตู้เต็ม ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ จะทำให้เราขยายตลาดเพราะลูกค้าบางรายมีของไม่เต็มตู้ ซึ่งจะเหมือนเป็นการขายปลีก”

สำหรับเงินลงทุนในปี 63 นี้ บริษัทวางไว้ 200 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ WICE SG อีก 30% จากปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 70% โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินจากเงินทุนหมุนเวียน และเงินกู้บางส่วน โดยคาดว่าจะเพิ่มกำไรอีก 30%

#WICE #Logistics #Positioning