สำรวจ “สแกนดิเนเวีย” ดินแดนไวกิ้งสุดขอบฟ้า ตามล่าแสงเหนือไปกับการบินไทย


การบินไทยพาท่านสัมผัสอากาศเย็นฉ่ำอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ออกเดินทางไปยังจุดหมายสุดปลายฟ้าเพื่อตามล่าแสงเหนือท่ามกลางปุยหิมะขาวโพลน ดินแดนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมอันน่าหลงใหล ธรรมชาติงดงามตระการตา เมืองที่มีคุณภาพชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก…สแกนดิเนเวีย

รู้จัก “สแกนฯ” ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์

“สแกนดิเนเวีย” คือภูมิภาคเหนือสุดของทวีปยุโรปอันประกอบไปด้วยประเทศนอรเวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก เป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานน่าสนใจ โดยมีการค้นพบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์ในแถบนี้ย้อนไปไกลถึงกว่า 6,000 ปีก่อนคริสตศักราช อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่มีบทบาทสำคัญที่สุดทางประวัติศาสตร์ของภูมิภาคช่วงหนึ่งคือราวศตวรรษที่ 9-11 หรือที่รู้จักกันดีในนามของ “ยุคไวกิ้ง” (Viking Age) ชาวไวกิ้งได้เริ่มตั้งถิ่นฐานในสหราชอาณาจักร เยอรมนี และไอซ์แลนด์ก่อนจะแผ่ขยายอำนาจมาจนถึงภูมิภาคสแกนดิเนเวียในปัจจุบัน สัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดประการหนึ่งของชาวไวกิ้งคือ “เรือไวกิ้ง” ซึ่งสามารถเยี่ยมชมได้ ณ พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง ในกรุงออสโล ประเทศนอรเวย์ ที่จัดแสดงเรือไวกิ้งสภาพเกือบสมบูรณ์ 3 ลำ อายุถึงกว่าพันปี และ พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง Vikingeskibs ในเมืองรอสคิลด์ (Roskilde) ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งจัดแสดงเรือไวกิ้ง 5 ลำพร้อมนิทรรศการบอกเล่าประวัติความเป็นมา นอกจากนี้ หากเยือนกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ไม่ควรพลาดเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์เรือวอซา (Vasa Museum) เรือรบหลวงสมัยศตวรรษที่ 17 ที่จมอยู่ใต้ทะเลถึง 333 ปีก่อนจะได้รับการกู้ขึ้นมาและจัดแสดงในสภาพเกือบสมบูรณ์ถึง 98%

เยือนดินแดนแห่งปราสาทราชวังและมรดกโลก

กรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์กคือจุดหมายแสนโรแมนติก โดยเฉพาะผู้หลงใหลในปราสาทราชวังเนื่องจากมีพระราชวังหลายแห่งที่เปิดให้เข้าชม อาทิ พระราชวังโรเซนบอร์ก (Rosenborg) ที่จัดแสดงบัลลังก์ที่ใช้ในพิธีราชาภิเษกของราชวงศ์ของเดนมาร์กและเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่ใช้งานจริงให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม พระราชวังอมาเลียนบอร์ก (Amalienborg) ที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์กที่อนุญาตให้ประชาชนเข้าชมได้ พร้อมมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติราชวงศ์ พระราชวังคริสเตียนบอร์ก (Christianborg) พระราชวังที่ดัดแปลงเป็นที่ทำการรัฐสภา ตลอดจนในเมืองอื่น ๆ อย่างเช่น ปราสาทครอนบอร์ก (Kronborg) ในเมืองเฮลซิงงอร์ (Helsingør) ฉากในละครเรื่องแฮมเล็ต (Hamlet) บทประพันธ์ของวิลเลียม เชคสเปียร์ (William Shakespeare) พระราชวังเฟรเดอริกส์บอร์ก (Frederiksborg) พระราชวังกลางทะเลสาบในเมืองฮิลเลอรอด (Hillerød) ที่เปิดให้เข้าชมห้องอันงดงามอลังการถึงกว่า 70 ห้อง เป็นต้น

หากเยือนประเทศนอรเวย์ เมืองเบอร์เกน (Bergen) เมืองใหญ่เป็นอันดับสองรองจากกรุงออสโลคือจุดหมายห้ามพลาดเพราะไม่เพียงแต่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาถึง 7 ลูก ซึ่งสามารถนั่งเคเบิลคาร์ขึ้นไปชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองได้เท่านั้น แต่เบอร์เกนยังเป็นที่ตั้งของบริกเกน (Bryggen) ท่าเรือเก่าแก่สมัยศตวรรษที่ 14

ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ซึ่งนอกจากจะเก็บภาพประทับใจของหมู่อาคารหลากสีสันแล้ว ยังมีตลาดขายอาหารทะเลสดที่สามารถเลือกวัตถุดิบให้ร้านนำไปปรุงได้ด้วย นอกจากนี้ เมืองเบอร์เกนยังได้รับแต่งตั้งให้เป็น 1 ใน 9 เมืองวัฒนธรรมของยุโรปและเป็นประตูสู่การล่องเรือชมฟยอร์ด ธารน้ำแข็ง เกาะแก่งต่าง ๆ และน้ำตกอันสวยงามอีกด้วย

อบซาวนา ล่าแสงเหนือ

หนึ่งในสุดยอดประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคสแกนดิเนเวียคือ การตามล่าแสงเหนือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติบนท้องฟ้าอันน่าอัศจรรย์ “แสงเหนือ” หรือ “ออโรรา บอรีอาลิส” (Aurora Borealis) เกิดจากอนุภาคของลมสุริยะที่มาจากการระเบิดของเปลวสุริยะบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ เมื่ออนุภาคเหล่านี้มาถึงสนามแม่เหล็กของโลก ลมสุริยะจะเคลื่อนที่ไปตามเส้นสนามแม่เหล็กไปยังขั้วโลก และชนเข้ากับอะตอมในชั้นบรรยากาศและปล่อยพลังงานออกมาในรูปของพลังงานแสง ซึ่งธาตุต่าง ๆ ในชั้นบรรยากาศทำให้แสงออโรรามีสีสันต่างกัน เช่น อะตอมออกซิเจนให้แสงสีแดงและสีเขียว ส่วนไนโตรเจนให้แสงสีน้ำเงินและสีม่วง เป็นต้น

แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้แม่นยำ 100% แต่ สามารถดูปัจจัยประกอบคร่าว ๆ ได้อย่างน้อย 2 ข้อคือ 1. ค่าความเข้ม (KP) ยิ่งเลข KP สูง ยิ่งมีโอกาสเห็นมาก (โดยปกติสามารถเห็นแสงเหนือได้ตั้งแต่ KP3 ขึ้นไป) 2. ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบโอกาสในการเห็นแสงเหนือได้จากเว็บไซต์ต่าง ๆ อาทิ norway-lights.com aurora-service.eu/aurora-forecast/ หรือสืบค้นจากคีย์เวิร์ด Northern Lights Forecast ตามด้วยชื่อประเทศที่ต้องการเดินทางไปล่าแสงเหนือ

จุดหมายยอดนิยมของนักล่าแสงเหนือ ได้แก่ เมืองอัลทา (Alta) ทรอมโซ (Tromsø) ลิงเกนฟยอร์ด (Lyngenfjord) โบโด (Bodø) และหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) ในประเทศนอรเวย์ และเมืองคิรูนา (Kiruna) เมืองยุกกาสยาร์วี (Jukkasjärvi) และปอร์ยุส (Porjus) ในประเทศสวีเดน โดยช่วงเวลาที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือมากที่สุดคือท้องฟ้าอันมืดสนิทยามค่ำคืนในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนกันยายน – มีนาคม ส่วนในฤดูร้อนนั้นคือช่วงเวลาของการชมความงามของพระอาทิตย์เที่ยงคืน (ซึ่งท้องฟ้าจะสว่างตลอด 24 ชั่วโมงทำให้มองไม่เห็นแสงเหนือ)

นอกจากตามล่าแสงเหนือแล้ว อีกกิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือ การอบซาวนา ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย แต่ยังช่วยขับของเสียออกมากับเหงื่อและกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตอีกด้วย

นอนโรงแรมน้ำแข็ง ผจญภัยในแลปแลนด์

อีกหนึ่งไฮไลต์ห้ามพลาดเมื่อเยือนสแกนดิเนเวียคือ การออกสำรวจแลปแลนด์ ดินแดนเหนือสุดของทวีปยุโรปที่ยังคงความดิบของธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีกิจกรรมน่าตื่นตาตื่นใจมากมายรออยู่ ไม่ว่าจะเป็นการขี่สโนว์โมบิล ที่มีระดับความยากง่ายต่างกัน ตั้งแต่ขับขี่บนทางหิมะธรรมดาไปจนถึงเส้นทางสายวิบาก การท่องซาฟารีแบบขั้วโลกเหนือ หากโชคดีอาจได้พบกับสัตว์ป่าประจำถิ่นอาร์กติกอย่างกวางมูส กวางเรนเดียร์ จิ้งจอกขั้วโลก หมี ฯลฯ อย่างไรก็ตาม สัตว์ป่าเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ตามสัญชาตญาณของสัตว์ จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

หลังจากออกผจญภัยในดินแดนแลปแลนด์แล้ว ได้เวลาของการสัมผัสประสบการณ์เย็นสุดขั้ว ณ โรงแรมน้ำแข็ง (Ice Hotel) ซึ่งห้องพัก โต๊ะ เตียง เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ หรือแม้แต่แก้วน้ำล้วนทำขึ้นจากน้ำแข็ง! ปัจจุบัน มีโรงแรมน้ำแข็งให้เลือกพักหลายแห่ง อาทิ Icehotel Jukkasjärvi และ IGLOOTEL Lapland ในประเทศสวีเดน Ice Lodge, Kirkenes Snow Hotel และ Sorrisniva Igloo Hotel ในประเทศนอรเวย์ ซึ่งบางแห่งมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะจากน้ำแข็งด้วย

เดินทางสู่จุดหมายอันน่าตื่นตาตื่นใจในภูมิภาคสแกนดิเนเวียไปกับการบินไทย บริการเที่ยวบินตรงระหว่าง กรุงเทพฯ – โคเปนเฮเกน, ออสโล และสตอกโฮล์ม สำรองที่นั่งได้แล้ววันนี้ที่ thaiairways.com หรือโทร. 02-356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)