แม้ว่าผลประกอบการของ ‘Nintendo’ เจ้าของเครื่องเกมคอนโซล ‘Nintendo Switch’ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 จะเติบโตถึง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 แต่หุ้นกลับตกลงกว่า 4% ในช่วงบ่ายวันศุกร์นี้
ในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน-ธันวาคม 2562 Nintendo มียอดขาย Nintendo Switch รวมกว่า 12.56 ล้านเครื่องทั่วโลก ในขณะเดียวกัน Switch Lite ซึ่งเป็นสวิตช์รุ่นประหยัดสามารถขายได้ 5.19 ล้านเครื่อง นับตั้งแต่เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาญี่ปุ่นและยุโรปเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2019
และในวันพฤหัสที่ผ่านมา Nintendo ได้ประกาศผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสล่าสุด (ตุลาคม-ธันวาคม) โดยอยู่ที่ประมาณ 168.7 พันล้านเยน (ประมาณ 1.55 พันล้านดอลลาร์) โดยเติบโตขึ้นมากกว่า 6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะสามารถทำกำไรได้ถึง 175 พันล้านเยน (ประมาณ 1.61 พันล้านดอลลาร์)
อย่างไรก็ตาม Amir Anvarzadeh นักยุทธศาสตร์การตลาดของ Asymmetric Advisors กล่าวว่า การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจาก ‘Stadia’ และ ‘Apple Arcade’ บริการเล่นเกมผ่าน Cloud Streaming ของ Google และ Apple รวมถึงคอนโซลรุ่นต่อไปจาก Sony และ Microsoft ที่ถือเป็นแรงกระเพื่อมที่กระทบกับ Nintendo
“มีปัจจัยที่เป็นลบมากขึ้น ดังนั้นคาดว่าจะเห็นราคาหุ้นของ Nintendo ปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วง 18 เดือนข้างหน้า แม้บริษัทจะมีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีก็ตาม”
ขณะที่ Daniel Ahmad นักวิเคราะห์อาวุโสของ Niko Partners กล่าวในทวีตเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ผลประกอบการของ Nintendo แสดงให้เห็นว่า บริษัท “ตอนนี้ยังต้องพึ่งพา Switch” และจากนี้จะต้องมุ่งเน้นไปที่วิธีการขยายแพลตฟอร์มคอนโซลในปี 2021 เป็นต้นไป
Nintendo Switch เป็นเกมคอนโซลไฮบริดที่สามารถเล่นได้แบบพกพาและเชื่อมต่อกับทีวีเพื่อเล่นภายในบ้าน ซึ่ง Switch ถือเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ที่สำคัญให้กับ Nintendo โดยช่วยพลิกฟื้นบริษัท หลังจากที่ Wii U เครื่องเกมที่ออกมาก่อนหน้าไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก
#Nintendo #Switch #Console #Game #Positioning