ลมเปลี่ยนทิศ! จับตา COVID-19 เข้ามาเปลี่ยนวงการ HR อย่างสิ้นเชิง

ตั้งแต่การเริ่มสัมภาษณ์ ไปจนถึงการเริ่มงาน ล่าสุดวงการ HR ขานรับแล้วว่าพิษไวรัส COVID-19 ส่งผลเปลี่ยนแปลงกระบวนการสรรหาบุคลากรแบบพลิกฝ่ามือตั้งแต่ต้นจนจบในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในบริษัทที่ต้องเดินหน้าจ้างพนักงานใหม่ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัส ทั้งกลุ่มบริษัทขนส่ง ด้านสุขภาพ และกลุ่มรีเทล เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ล้วนต้องการแรงงานจำนวนมากในเวลานี้

สิ่งที่เห็นได้ชัดคืองาน HR ใน 3 อุตสาหกรรมนี้มีแนวโน้มที่จะเริ่มดำเนินการในรูปแบบใหม่อย่างจริงจัง จากที่ต้องตั้งต้นด้วยการมองหาพนักงานที่มีคุณสมบัติพร้อม แล้วค่อยนัดหมายในขั้นตอนการสัมภาษณ์งาน ก่อนจะตกลงให้เข้ามาทดลองงาน ขั้นตอนทั้งหมดนี้กำลังเปลี่ยนไปเพราะผู้คนต้องทำ social distancing หรือการระวังโรคด้วยการไม่เข้าใกล้กัน ซึ่งผลกระทบที่ตามมาคือหลายอุตสาหกรรมตัดสินใจยกเลิกทุกขั้นตอนที่ต้องมีการต้อนรับและการเดินทาง

Arran Stewart ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิสัยทัศน์ ของบริษัทเว็บไซต์จับคู่งานอัตโนมัติ Job.com ย้ำกับสำนัก Fast Company ว่า 3 อุตสาหกรรมสุดเฟื่องฟูในยุค COVID-19 นั้นตรงกันข้ามกับบางอุตสาหกรรมที่กำลังถดถอย เพราะเป็นกลุ่มที่ต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก เฉพาะในเว็บไซต์ Job.com พบว่าความต้องการคนทำงานกลุ่ม Blue Collar ที่เน้นใช้แรงนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า White Collar ที่เน้นการนั่งโต๊ะในสำนักงาน โดยโพสต์ที่เปิดรับสมัครพนักงานคลังสินค้านั้นมีมากขึ้นจากตัวเลขเดิมของ Job.com ราว 100,000 โพสต์ ปรากฏการณ์นี้แสดงการเติบโตอย่างไม่เคยมีมาก่อนในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องจัดส่งสินค้าไปยังบ้านของประชาชน

หาผู้สมัครแบบใหม่

ไม่ว่าาจะเป็น Blue Collar หรือ White Collar วิธีการจ้างงานของบริษัทในช่วง COVID-19 มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่กระบวนการหาผู้สมัครหรือ candidate เนื่องจาก social distancing หลายบริษัทยกเลิกการโฆษณาหางานแบบข้ามชาติ แล้วลงมือจำกัดเพื่อค้นหาผู้สมัครแบบอิงภูมิศาสตร์ โดยจะเลือกมองที่คนในพื้นที่หรือโลคอลก่อน

Atta Tarki ผู้เขียนหนังสือเรื่องการสรรหาบุคลากร Evidence Based Recruiting บอกว่าบริษัทวันนี้มองหาพนักงานต่างชาติน้อยลง ซึ่งหากไม่คนโลคอลที่พอใจ จึงจะขยายพื้นที่ค้นหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เบื้องต้นยอมรับว่า social distancing อาจเป็นผลดีต่อผู้สมัครวงใน เพราะเทรนด์นี้ทำให้ลูกค้าของ Tarki เลือกหยุดการจ้างงานพนักงานภายนอกแล้วเปลี่ยนตำแหน่งใหม่หรือเนื้องานใหม่ให้พนักงานภายในที่องค์กรมีอยู่แทน

กลุ่ม Gig worker หรือเอาต์ซอร์สมือปืนรับจ้างอิสระก็อาจได้รับโอกาสงามเช่นกัน เพราะหลายบริษัทกำลังใช้เอาต์ซอร์สเหล่านี้เพื่อลดช่องว่าง เห็นได้จากบางบริษัทยกเลิกงานถาวรบางตำแหน่งไป แล้วหันมาปรับเป็นตำแหน่งงานตามวาระหรือสัญญาจ้างแทน

การสัมภาษณ์-เริ่มงานไม่เหมือนเดิม

ขั้นตอนการสัมภาษณ์ในยุค COVID-19 เปลี่ยนจากการพบหน้ากันไปเป็นการคุยผ่านวิดีโอเช่น Zoom แทน วันนี้การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวไม่มีอีกแล้ว และดูเหมือนว่าหลายคนพอใจกับการสัมภาษณ์ผ่านหน้าจอ โดยเฉพาะกลุ่ม Blue Collar ที่ก่อนหน้านี้ การสัมภาษณ์ด้วยวิดีโออาจเป็นเรื่องแปลกใหม่

ในช่วงก่อน COVID-19 บางบริษัทใช้วิธีส่งตัวแทนไปสัมภาษณ์ผู้สมัครงานแบบตัวต่อตัวที่ร้านกาแฟหรือสวนสาธารณะในท้องถิ่น แต่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หลายบริษัทอนุโลมให้ผู้สมัครไม่ต้องเข้าร่วมการสัมภาษณ์นอกสถานที่ลักษณะนี้ ซึ่งพบว่าผู้สมัครรู้สึกสะดวกสบายในการประชุมออนไลน์แทน และหลายบริษัทตอบรับให้ผู้สมัครเริ่มงานได้เลยเพื่อช่วยแบ่งเบางานในบริษัทที่เพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ดูเหมือนง่ายแต่ก็ยังทิ้งคำถามใหญ่เรื่องวัฒนธรรมขององค์กรนั้นซึ่งผู้สมัครใหม่จะไม่ได้สัมผัสจริงจัง

เมื่อการสัมภาษณ์ทำผ่านออนไลน์ การเริ่มงานก็จะเหมือนกับการจ้างแบบเสมือนจริงเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจึงกลายเป็นรูปแบบการจัดการแบบใหม่ซึ่งต้องทำผ่านการทำงานจากระยะไกล กลายเป็นความท้าทายว่าผู้บริหารจะทำให้พนักงานใหม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทได้อย่างไร

ประเด็นนี้พบว่า มีบางบริษัทใช้เทคโนโลยี VR เพื่อให้ผู้สมัครเข้าเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ในสำนักงานได้ ร่วมกับการประชุมทางวิดีโอซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าเป็นเนื้อเดียวกับทีมและเข้าถึงภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งของหัวหน้างาน ซึ่งในเวลา 15-20 นาทีที่ประชุม หัวหน้างานควรต้องเสนอทรัพยากรและข้อมูลมากมาย เพื่อแนะนำงานรูทีนประจำวันให้พนักงานนำไปทำในระหว่างที่ใช้ชีวิตนอกออฟฟิศ

ระยะยาว บริษัทชอบ

ก่อนหน้านี้ การสำรวจพบว่า 44% ของบริษัทในกลุ่มตัวอย่างไม่ปลื้มการทำงานจากระยะไกลนอกออฟฟิศ แต่ตอนนี้สัดส่วนเปลี่ยนไปและเปิดรับมากขึ้น 

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไม่เพียงเกิดขึ้นเพราะบริษัทยกระดับความไว้วางใจในผู้สมัครมากขึ้น แต่การพบว่าพนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้จริง อาจทำให้หลายบริษัทรู้สึกดีกับการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายไปกับสำนักงานขนาดใหญ่ แถมไม่รู้สึกกดดันที่จะต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าดึงดูดในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทได้รับงานหรือผลผลิตไม่ต่างกัน

สถานะใหม่ของการทำงานนี้จะมีผลกระทบระยะยาวต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบางบริษัทแน่นอน เชื่อว่าจะมีวิธีการทำงานใหม่บนเทคโนโลยีใหม่ตามมาในอนาคต ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้า ภาพรวมการสรรหาพนักงานของฝ่าย HR จะแตกต่างจากเดิมแน่นอน.

Source