ดูเหมือนการระบาดของ COVID-19 กำลังแพร่กระจายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหน้าร้อน ทําให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเกี่ยวกับระบาดอีกครั้ง
สำหรับไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในตอนนี้ถูกเรียกว่าสายพันธุ์ FLiRT ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ รุ่นหลานของโอมิครอน เนื่องจากโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้เป็นรุ่นลูกของสายพันธุ์ JN.1 ที่กลายพันธุ์มาจากโอมิครอน อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยว่าสายพันธุ์ใหม่นั้นรุนแรงกว่าสายพันธุ์เก่า
ตามรายงานของ John Hopkins Bloomberg School of Public Health รายงานว่า ปัจจุบัน โควิดสายพันธุ์ KP.2 ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มสายพันธุ์ FLiRT ถือเป็นสายพันธุ์ส่วนใหญ่ที่ระบาดในสหรัฐอเมริกา โดยตามข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค พบว่า ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ KP.2 คิดเป็น 28.2% เพิ่มขึ้นจาก 3.8% ณ สิ้นเดือนมีนาคม ส่วนสายพันธุ์ KP.1.1 ซึ่งเป็นอีกสายพันธุ์ย่อยของ FLiRT ก็เพิ่มขึ้นเป็น 7.1% ของจำนวนการติดเชื้อในปัจจุบัน
ส่วนใน ยุโรป ก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยขณะนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ใน 14 ประเทศ ขณะที่ องค์การอนามัยโลก รายงานว่า การติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ยังจำกัดอยู่เฉพาะประเทศที่รายงานข้อมูลเข้ามา และข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จากระดับการติดเชื้อที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม เจนนิเฟอร์ ฮอร์นนีย์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ มองว่า โควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ไม่น่า ทําให้เกิดการติดเชื้อครั้งใหญ่ อย่างที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะทำให้จำนวนผู้ป่วยในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนจากนี้ แต่อาการจะไม่รุนแรง เพราะประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่า วัคซีนในปัจจุบันมีประสิทธิภาพเพียงใดต่อสายพันธุ์ใหม่