จากความกังวลการระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมาหุ้นภาคบ่ายดิ่งหนักกว่า 10% หรือติดลบกว่า 125.05 จุด ต่ำสุดในรอบประมาณ 7 ปี 8 เดือน จนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ เพื่อหยุดพักการซื้อขายเป็นเวลา 30 นาที ถือเป็นครั้งที่ 4 ที่เคยเกิดขึ้น ดังนั้น Positioning มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณอ้อ พรทิพย์ กองชุน ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัท จิตตะ ดอท คอม จํากัด ถึงแนวทางการลงทุนในช่วงวิกฤตนี้
คุณอ้อ กล่าวว่า ที่เทขายเยอะ ๆ ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนรายย่อยที่มีความกังวลว่าวิกฤตครั้งนี้จะนาน จึงตัดสินใจขายแบบขาดทุนกันเพื่อเก็บเงินสดไว้ หรือนำเงินไปหมุนเวียนในธุรกิจ แต่จะมีบางคนคิดว่าขายตอนนี้เพื่อรอซื้อช่วงที่หุ้นกำลังจะขึ้น ซึ่งไม่สามารถรู้ได้ว่าช่วงไหน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ ให้ถือไว้แม้ว่าขาดทุน เพราะถึงเวลาขึ้นก็จะขึ้นเลย แต่ถ้ามีใครอยากจะลงทุนในช่วงนี้ ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้ของดีราคาถูกในหุ้นคุณค่า (Value Investors:VI) แต่ต้องมีความรู้
แต่เพราะการผันผวนที่เกิดขึ้นทุกวัน ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นหากไม่มั่นใจแต่ให้อยู่นิ่ง ๆ เพื่อศึกษาก่อนว่าตอนเกิดวิกฤตคนลงทุนกันอย่างไรให้ได้ความรู้และเตรียมพร้อม เพราะตอนนี้ยังมีโอกาสอีกสักระยะหนึ่ง พอตลาดหุ้นเริ่มคลี่คลายตลาดเริ่มกลับมาค่อยเริ่มลงทุนก็ได้ แต่ต้องเตรียมพร้อม
“นักลงทุนที่มีประสบการณ์เยอะผ่านวิกฤตมาเยอะทุกคนเริ่มมีการลงทุนแล้วเพราะเล็งมานาน รู้ว่าหุ้นตัวนี้ดี อยากจะซื้อแต่นั่นคือผ่านกระบวนการศึกษามาแล้ว แต่ถ้าเรายังไม่รู้ข้อมูลแนะนำว่า ให้รอดู”
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรจะลงทุนในหุ้นทั้งหมด ควรแบ่งสัดส่วนของเงินไว้ เพราะการลงทุนในหุ้นเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด ต่อให้มีการตอบแทนผลตอบแทนสูงกว่าสินทรัพย์อื่น แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าเช่นเดียวกัน อาจต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้ลงทุนในหุ้น อีกส่วนไปดูว่ากองทุนที่เป็น passive การทุนที่ไม่ได้มีความเสี่ยงสูง เช่น ไปลงพวกอินเด็กซ์ฟันด์ กองทุนดัชนี และต้องมีเงินสำรองยามฉุกเฉิน ไม่แนะนำให้ลงทุนทีเดียวหมด
“แนะนำให้กระจายการลงทุนไปต่างประเทศด้วย ทั้งการเลือกลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยตรงหรือโดยอ้อมผ่านการลงทุนในหุ้นในประเทศที่มีการทำธุรกิจในต่างประเทศ จัดสรรเงินลงทุนมากกว่า 50% ลงทุนในหุ้นที่มีกระแสเงินสดดี มีการกระจายความเสี่ยงผ่านการผลิตสินค้าที่หลากหลายและมีการดำเนินธุรกิจในประเทศอื่น ๆ ด้วย”
ทั้งนี้ เพราะว่าตลาดกลับมาอาจจะเป็นพรุ่งนี้ก็ได้ ไม่มีใครรู้ หรืออาจะนานกว่านั้น ดังนั้น ผู้ที่สนใจสามารถไปศึกษาหุ้นดีราคาถูกได้จาก Jitta ranking (https://www.jitta.com/) ซึ่งจิตตะมีการวิเคราะห์หุ้นถึง 16 ประเทศในทุก ๆ วัน เพื่อให้รู้ว่าจะต้องวิเคราห์เรื่องหุ้นอย่างไร เมื่อไหร่ที่มั่นใจก็เริ่มลงทุน
ปัจจุบัน นักลงทุนในไทยไม่เติบโตมากมีเพียง 2-3 ล้านบัญชี ขณะที่แอคทีฟเพียง 200,000 บัญชี ซึ่งสาเหตุที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่กล้าลงทุนเพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยาก กลัวว่ามีความเสี่ยง ดังนั้น ส่วนหนึ่งเลยต้องไปซื้อกองทุน แต่ยังถือว่าน้อยมาก เลยเน้นเก็บในบัญชีออมทรัพย์ซึ่งได้ดอกเบี้ยน้อยมาก ฉะนั้น ควรเอาไปลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนมากกว่าที่จะยังอยู่ในบัญชี
“จริง ๆ ทุกหน่วยงานพยายามที่จะให้ความรู้เวลาที่เราจะวางแผนการเงิน วางแผนเกษียณ วางแผนในการที่จะมีเงินงอกเงยให้พอในยามเกษียณ เราก็ต้องลงทุน ซึ่งการลงทุนก็มีหลายแบบให้เลือก การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ โดย จิตตะ เวลธ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนของจิตตะ จะเน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่เฉลี่ยแล้วชนะดัชนี้ตลาด ระยะยาวได้กำไรทบต้นไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องเร่งรวย เป็นการลงทุนในระยะยาว”