แดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอ ของอาลีบาบา กรุ๊ป เผยแพร่จดหมายถึงพนักงานภายในองค์กรในวันนี้ ถึงแผนการนำ “โครงการ 2020 Spring Thunder” มาใช้เพื่อช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ในการข้ามผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากในปัจจุบัน
ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน ที่เคยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2551 อาลีบาบาเคยออกโครงการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เอสเอ็มอี 3 โครงการ ซึ่งในขณะนั้นเอสเอ็มอีต่างต้องพยามเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ถือว่าเป็น “มรสุมทางเศรษฐกิจ” โครงการทั้งสามมีชื่อว่า “Dark Cloud”, “Wild Winds” และ “Spring Thunder” ซึ่งได้ช่วยเหลือเอสเอ็มอี 40 ล้านรายในการชุบชีวิตธุรกิจขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซของอาลีบาบาที่มั่นคงและเชื่อถือได้
เนื้อหาฉบับเต็มในจดหมายที่ แดเนียล จาง ส่งให้พนักงาน มีดังนี้
ถึง ชาวอาลีบาบา
เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ นั่นคือในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ทั่วโลกต้องต่อสู้ การระบาดครั้งนี้สร้างผลกระทบทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และชีวิตประจำวัน จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ เราและคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ดังนั้นเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างโดยไม่รอช้า จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ นั่นหมายความว่าถ้าเอสเอ็มอีอยู่รอด เศรษฐกิจก็อยู่รอด ถ้าเอสเอ็มอีเติบโต เศรษฐกิจก็เติบโต เมื่อ 12 ปีก่อนที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2551 เราได้ออกโครงการบรรเทาความเดือนร้อน 3 โครงการเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีในการข้ามผ่านมรสุมทางเศรษฐกิจในขณะนั้น โครงการทั้ง 3 ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “Dark Cloud”, “Wild Winds” และ “Spring Thunder” ได้ช่วยเหลือเอสเอ็มอี 40 ล้านรายในการชุบชีวิตธุรกิจขึ้นมาอีกครั้ง โดยใช้แพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซของอาลีบาบาที่มั่นคงและเชื่อถือได้ ในตอนนั้นเราไม่เพียงช่วยแก้ไขความท้าทายด้านการบริหารจัดการและการเงินให้กับเอสเอ็มอีได้อย่างทันท่วงที แต่ยังเพิ่มขีดความสามารถของการแข่งขันในระยะยาวให้เอสเอ็มอีอย่างเห็นได้ชัด เรายังคงภูมิใจในการตัดสินใจของเราจนถึงทุกวันนี้
เมื่ออาลีบาบาเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน เรายึดมั่นในพันธกิจคือ “เพื่อให้การทำธุรกิจจากทุกที่เป็นเรื่องง่าย” ที่อาลีบาบามีทุกวันนี้ได้ ก็เนื่องมาจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของเศรษฐกิจจีน บวกกับความก้าวหน้าของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งการดำเนินตามพันธกิจอย่างไม่หยุดยั้งในการสนับสนุนเอสเอ็มอี ดังนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์ความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ที่เศรษฐกิจและสังคมโลกต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้ เราจึงต้องยืนหยัดเคียงข้างเอสเอ็มอีทั่วโลกในการต่อสู้กับอุปสรรคที่กำลังจะมาถึงไปด้วยกัน เราต้องใช้สรรพกำลังของแพลทฟอร์ม Alibaba Digital Economy ในการรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุด และสร้างความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจให้กับทุกคนอีกครั้ง ความท้าทายที่เรากำลังเผชิญอาจหนักที่สุดในรอบ 20 ปี แต่ยิ่งวิกฤตใหญ่หลวงมากเท่าใด ความผูกพันของเรากับเอสเอ็มอียิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมีความยากลำบากเท่าใด อาลีบาบายิ่งต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้บรรลุตามพันธกิจที่ตั้งไว้เท่านั้น
ในวันนี้ ผมขอประกาศการนำโครงการ 2020 Spring Thunder มาใช้อย่างเป็นทางการ เราจะนำพลังของพาณิชย์และเทคโนโลยีที่อาลีบาบาได้สั่งสมมาตลอด 20 ปีมาใช้สร้างสรรค์ซัพพลายเชนใหม่ สร้างอุปสงค์ใหม่ และสนับสนุนการค้าใหม่ผ่านมาตรการเชิงรุกต่างๆ เราจะเดินหน้าสร้างระบบใหม่ของโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้รอดพ้นมรสุมทางเศรษฐกิจครั้งนี้
โครงการ 2020 Spring Thunder จะประกอบด้วยมาตรการต่างๆ ตามด้านล่าง และอาจเพิ่มเติมได้อีกในอนาคต ได้แก่
- ช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีที่เน้นการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ผ่านอาลีเอ็กซเพรส, ลาซาด้า และทีมอลล์ เวิลด์ และจะช่วยเหลือบางส่วนของเอสเอ็มอีในกลุ่มนี้ในการพลิกโฉมและพัฒนาธุรกิจในตลาดจีน โดยใช้มาตรการ เช่น การสนับสนุนทรัพยากร ลดค่าบริการ และให้บริการแบบด่วนพิเศษ เป็นต้น
- สนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มด้านการผลิตของแต่ละสินค้า ซึ่งจะเอื้อให้เกิด “Super Producer IP” หรือการที่ผู้บริโภคจดจำสินค้าได้จากแหล่งผลิต (เช่น ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตทุเรียน) โดยจะสร้างกลุ่มการผลิตดิจิทัลขึ้น 10 แห่งซึ่งมีมูลค่าการผลิตรวมกันหลายหมื่นล้านหยวน และจะทำให้โรงงานผลิต 1,000 แห่งสามารถขายสินค้ากับผู้บริโภคได้โดยตรง ให้ได้ 100 ล้านหยวน ภายใน 3 ปี
- นำดิจิทัลมาใช้เพื่อช่วยให้ภาคการเกษตรเติบโต และสร้างศูนย์เกษตรกรรมดิจิทัล 1,000 แห่งทั่วประเทศจีน
- ช่วยแบ่งเบาความลำบากด้านการเงินให้กับเอสเอ็มอี โดยขยายงวดชำระเงินกู้ให้ถึง 30 มิถุนายน ทั้งนี้ แอนท์ ไฟแนนเชียล ซึ่งเป็นธนาคารออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการ ได้ทำงานร่วมกับธนาคารปกติหลายร้อยแห่ง เพื่อให้บริการสินเชื่อโดยไม่ต้องมาที่สาขา แก่ธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจครัวเรือนหลายสิบล้านราย
โรคระบาดได้สร้างความบอบช้ำไปทั่วโลก แต่เราต้องไม่หมดหวัง อาลีบาบาได้แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับการระบาดในจีนและทั่วโลกผ่านการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ในท้ายที่สุดการระบาดจะจบลง และเราจะได้เห็นการกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เราจะทำงานร่วมกับเอสเอ็มอีที่ต้องการความช่วยเหลือ และจะเปลี่ยนทรัพยากรต่างๆ ของอาลีบาบาให้กลายเป็นพลังให้กับเอสเอ็มอี เราต้องพลิก “วิกฤต” ให้กลายเป็น “โอกาส” สำหรับเอสเอ็มอีในการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตด้วยการเปลี่ยนธุรกิจเป็นดิจิทัล ถึงเวลาแล้วที่อาลีบาบาจะตอบแทนให้กับสังคมและเอสเอ็มอี
หลังฝนซา ฟ้าจะกลับมาสดใสอีกครั้ง ขอให้พวกเราทุกคนช่วยกัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้