ความร้อนแรงทางการเมืองทำให้สื่อดั้งเดิม ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ กำลังถูกท้าทายจากพลังของ Social Media สร้างพฤติกรรมใหม่ของการรับข้อมูลข่าวสารผ่านทวิตเตอร์ ให้ทั้งความเร็ว สดใหม่ วินาทีต่อวินาที เชื่อมความสนใจของผู้คนด้วยภาษาง่ายๆ และนำไปสู่การจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของสื่อใบเก่า
ความรวดเร็ว สั้นกระชับ ต่อเนื่อง และหลากหลาย ทำให้ Social Media อย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์กลายเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารอันทรงพลังที่กำลังเติบโต และเดินคู่ขนานไปกับสื่อดั้งเดิม
แม้ว่าทวิตเตอร์จะมีผู้นำมาใช้เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แต่ยังจำกัดเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบเทคโนโลยี จนเมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว เมื่อนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และทักษิณ ชินวัตร ใช้ทวิตเตอร์ส่งข้อความตอบโต้กันไปมา
หลังจากนั้นทวิตเตอร์ก็เป็นที่ถูกจักแพร่หลาย และนำมาใช้เป็นเครื่องมือการตลาดในไซเบอร์สเปซ แบรนด์สินค้าต่างๆ ใช้ประโยชน์ในการอัพเดตข้อมูลข่าวสาร และวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งนี้ สมรภูมิในทวิตเตอร์ดุเดือดไม่แพ้กัน เมื่อผู้สื่อข่าวใช้ทวิตเตอร์บอกเล่าข่าวสารกันคึกคัก ส่งผลให้ทวิตเตอร์ของผู้สื่อข่าวเบียดแซงทวิตเตอร์ของบรรดาเซเลบฯ คนดัง ดารา นักร้อง ที่เคยใช้ทวิตกับแฟนคลับกันไปแล้ว
จากผลสำรวจของเว็บไซต์ lab.in.th/thaitrend พบว่า 20 อันดับแรกในทวิตเตอร์ ที่มีผู้ Mention เป็นผู้สื่อข่าวสายการเมืองมากกว่าครึ่ง หรือไม่ก็นักวิเคราะห์ข่าวการเมือง @suthichai หรือสุทธิชัย หยุ่น มาเป็นอันดับ 1 @noppatjak jin_nation @satien_nna @paisalvision (ไพศาล พืชมงคล)
ภาพ ด้วยยอด followers กว่า 4 หมื่นคน ของ@ suthichai สุทธิชัย หยุ่น ทำให้ทวิตเตอร์ของเขาติดอันดับแรกของทวิตเตอร์ที่มีคนเมนชั่นมากที่สุด
“จุดเด่นของทวิตเตอร์ เป็นความเร็ว สั้น กระชับ ซึ่งเราหาไม่ได้จากสื่ออย่างทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์ ดูอย่างตอนระเบิดที่ถนนสีลม ข่าวทีวียังออกช้ากว่าทวิตเตอร์ไป 20 นาที เพราะทวิตเตอร์รายงานกันวินาทีต่อวินาที มีเหตุการณ์อะไรเกิดอะไรขึ้น คนที่อยู่ตรงนั้นเขาก็ทวิตรายงานทันที ไม่ใช่แค่ตัวหนังสือ มีรูปภาพให้ดูด้วย” กานต์ สุริยาศศิน อาจารย์ประจำ ภาควิชาดนตรีเชิงพาณิชย์ @ Muzik Bank บอกกับเรา
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ใช้ทั่ทวิตเตอร์จะมีแตกต่างจากเฟซบุ๊ก ซึ่งมักใช้พูดคุยสื่อสารกับกลุ่มเพื่อน ขณะที่ทวิตเตอร์ใช้บอกข่าวสาร หรือแง่มุมเกี่ยวกับความคิดเห็นในเรื่องที่เป็นผลกระทบกับคนในวงกว้าง คนเล่นทวิตเตอร์มักเป็นผู้ใหญ่ ค่อนข้างมีอายุ มีการศึกษา นิยมใช้ในกลุ่มคนที่มีชื่อเสียง นักการเมือง ดารา เซเลบฯ นักร้อง ผู้บริหารระดับสูง ผู้สื่อข่าว ที่ใช้บอกเล่าความคิด หรืออัพเดตข้อมูลข่าวสารให้คนทั่วไปได้รับรู้
ภาพ @ โจอี้ บอย เจ้าพ่อแร็พ มียอด followers หลักหมื่น แต่การเมืองแรง หลุดจาก 20 อันดับไปแล้ว
ประมาณการว่ามีผู้ใช้ทวิตเตอร์ในไทยในปัจจุบันอยู่ราวกว่า 1 แสนคน (ข้อมูลจากเว็บ lab.in.th/thaitrend) แม้จำนวนผู้ใช้ยังตามหลังเฟซบุ๊ก ซึ่งมีมากถึง 1 ล้านคนก็ตาม แต่ด้วยประสิทธิภาพของการกระจายข้อมูลข่าวสารยังกลุ่มคนหมู่มาก และกลุ่มผู้ใช้มีอิทธิพลต่อความคิดของคนในสังคม ทำให้ทวิตเตอร์กลายเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารขนาดใหญ่ และทรงพลัง
ภาพ ทวิตเตอร์ @noppatjak
ภาพ ทวิตเตอร์ @jin_nation
ภาพ ทวิตเตอร์ @satien_nna
ภาพ ข้อมูลเชิงลึกของ @paisalvision ไพศาล พืชมงคล อดีตสภานิติบัญญัติ เปิดเว็บไซต์ วิพากษ์ เศรษฐกิจ สังคม เป็นอีหนึ่งที่มีคน followers ติดในอันดับ 20
ภาพ @can_nw เป็นอีกหนึ่งใน บรรณาธิการ เนชั่นสุดสัปดาห์ ที่คร่ำหวอดทางการเมืองมานานหลายสิบปี ด้วยเนื้อหาทางการเมืองในเชิงลึก ทวิตเตอร์ยองเขาขึ้นมาติดใน 20 อันดับ
กำเนิดนักข่าวพลเมือง
เครื่องมืออย่าง Social Media อย่างทวิตเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้ผู้รับข้อมูลเป็นทั้งผู้ส่งข่าวสารได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้วิกฤติการณ์ทางการเมืองรอบนี้ เป็นจุดกำเนิด “นักข่าวพลเมือง” อย่างแท้จริง
กรณีของชาวทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า @iNattt เป็นหนึ่งประเด็นร้อนของชาวทวิตเตอร์ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยความอยากรู้ส่วนตัว ทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปสังเกตการณ์การชุมนุมม็อบเสื้อแดงที่เวทีราชประสงค์ และ “ทวีต” บอกเล่าสดๆ ผ่านทวิตเตอร์
ภาพ ทวิตเตอร์ @iNattt
แต่ก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อข้อความของเขาซึ่งแสดงความคิดเห็นส่วนตัว สร้างความไม่พอใจให้กับคนเสื้อแดงบางคน จนเกิดการท้าทาย ถูกตามล่าจากกลุ่มคนเสื้อแดง เรื่องราวของเขามีผู้ Retwett บอกต่อ ทำให้ ยอด Follower ในทวิตเตอร์ของเขาพุ่งจากพันกว่า เพิ่มเป็น 3 พันภายในเพียงแค่สัปดาห์เดียว
นอกจากจะทำให้เขารู้ถึงพลังการบอกต่อของทวิตเตอร์แล้ว ยังทำให้เขาพบว่า จากชาวทวิตเตอร์ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยที่สนใจมีความรู้สึกร่วมไปกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น (อ่านเรื่องประกอบ)
นักข่าวพลเมืองอีกคนคือโปรแกรมเมอร์หนุ่มที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @nothingcpe ที่มาสังเกตการณ์ร่วมชุมนุมกับเสื้อหลากสี ที่ถนนสีลม จนโดนสะเก็ดระเบิดเข้าแผ่นหลังในวันที่ 10 เมษายน 2553 แม้จะบาดเจ็บ เจ้าตัวก็ยังทวีตรายงานสภาพตัวเองที่ต้องถูกพาเข้าโรงพยาบาลและรายงานอาการของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้วันเดียวมี Follower เพิ่มขึ้นถึงกว่า 1 พันคน จากราว 260 คน เป็น 1260 คนในเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์
ภาพ @nothingcpe โดนสะเก็ดระเบิด หลังจากไปชุมนุมกับกลุ่มคนสีลม แต่ยังทวิตรายงานสภาพตัวเอง ทำให้มียอด Followerเพิ่มขึ้นถึง 1 พันคนภายในวันเดียว
นักเล่นเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ไทยอีกนับแสน รายงานสิ่งที่ได้พบเห็นแบบปัจจุบันทันด่วน เช่น สภาพการจราจร ประกาศปิดตึก ม็อบที่พบเห็นบวกด้วยมุมมองส่วนตัว และความคิดเห็นที่มีต่อข่าวสารต่างๆ กลายเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ของกลุ่มคนไทยนับแสนที่มีความเห็นการเมืองต่างขั้วกันบ้าง ขั้วเดียวกันแต่ต่างกันในรายละเอียดบ้าง ผสมผสานแลกเปลี่ยนกันสดๆ ทั้งวันทุกวัน ทำให้สื่อใน Social Media กลายเป็นพื้นที่ใหม่ของการเสพข่าว
ส่วนความถูกต้องของข้อมูล หลายคนมองว่า เมื่อกลุ่มผู้ใช้ Social Media เป็นกลุ่มชนชั้นกลาง วัยทำงานที่มีการศึกษา การรับข้อมูลข่าวสารจะไม่เชื่อทันที แต่จะมีการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง
ดูอย่างกรณีของทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาโพสต์รูปที่ถ่ายในสถานที่ต่างๆ ในเฟซบุ๊ก เพื่อกลบข่าวลือว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และใช้ชีวิตตามปกติ ปรากฏว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นกลายเป็นข่าวใหญ่ปนฮา ทั้งในเว็บและสื่อดั้งเดิม เมื่อมีคนในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คร่วมกันพิสูจน์ว่าเป็นภาพตัดต่อทั้งหมด
“การตรวจสอบที่รวดเร็วแบบนี้ เราแทบไม่เห็นในสื่อเก่า หรือถ้าจะมีก็ช้ามาก แม้ว่าในครั้งแรกการโพสต์ข้อความ และภาพยังไม่ได้ถูกกลั่นกรอง แต่พอลงไปแล้วคนในออนไลน์เขาก็มาช่วยกันพิสูจน์ ในขณะที่สื่อเก่าเราแทบไม่เห็นแบบนี้ หรือถ้ามีการตรวจสอบก็จะช้ามาก”
ภาพ ทักษิณ ชินวัตร ส่งภาพตัวเองตามสถานที่ต่างๆ ผ่านเฟซบุ้ค เพื่อหวังกลบข่าวลือหนักว่าเสียชีวิตเพราะเป็นโรคมะเร็ง แต่ข้ามคืนเดียวคนในในโซเชี่ยล เน็ทเวิร์ค ก็พิสูจน์ว่าเป็นภาพตัดต่อ
จุดเปลี่ยนสื่อยุคเก่า
ไม่น่าแปลกที่วันนี้ ค่ายหนังสือพิมพ์ และทีวีอย่างเครือเนชั่นที่เคยพยายามปลุกปั้นนักข่าวภาคพลเมืองผ่านเว็บบล็อก จะประกาศนโยบายให้ผู้สื่อข่าวในเครือต้องมีทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก เพื่อมารองรับกับข่าวสารการเมืองที่กำลังร้อนฉ่า
การตัดสินใจครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากนักข่าวการเมืองภาคสนามรุ่นใหม่อย่าง นภพัฒน์จักษ์ อัตนนท์ ในชื่อทวิตเตอร์ว่า @noppatjak เขียนเรื่องราวการทำงานของเขา ที่ต้องประจำในม็อบเสื้อแดง ผ่านทวิตเตอร์ จนเป็นหนึ่งใน ผู้ที่มี RT ส่งต่อข่าวสารมากที่สุดหลายวันต่อสัปดาห์ตลอดช่วงการชุมนุมเสื้อแดง (อ้างอิงข้อมูลจาก lab.in.th/thaitrend)
ล่าสุด ค่ายหนังสือพิมพ์แนวหน้า และอีกหลายฉบับ กำลังหันมาใช้โมเดลนี้กันอย่างคึกคัก สะท้อนได้ว่านับจากนี้ Social Media กำลังเป็นพื้นที่ใหม่ของสื่อในโลกใบเก่าต้องวิ่งตามให้ทัน เพราะนี่คือสื่อใหม่ที่จะใช้อุดช่องว่างเรื่องความเร็ว รวมทั้งการนำเสนอด้วยแง่มุมใหม่ๆ ดูเป็นกันเอง ที่สื่อเดิมไม่มี ยังไงเสียพลังทวิตเตอร์ของคนข่าวยังช่วยเสริมแบรนด์ให้กับสื่อหลักทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงใช้ประโยชน์ในการตามเทรนด์ หรือความสนใจของผู้คนในสังคมได้ด้วย