ลุกช้าจ่ายรอบวงที่แท้จริง! หลังอุปกรณ์ป้องกันไวรัส COVID-19 เคยเป็นที่ต้องการในตลาดจนราคาพุ่ง ทำให้พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากจัดหาสินค้ามาขายออนไลน์หวังทำกำไร แต่ความต้องการเริ่มลดลงต่อเนื่องหลังจากผู้บริโภคซื้อสินค้าไปกักตุนไว้แล้ว ทั้งยังหาซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นตามซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อทั่วไป ทำให้ขณะนี้เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ และทิชชูแอลกอฮอล์ ลดราคาลง บางชนิดลงไปมากกว่าครึ่งถึงระดับขายขาดทุน!
Positioning สำรวจตลาดออนไลน์พบกระแสการขายอุปกรณ์ป้องกันไวรัส COVID-19 เริ่มมีการลดราคาต่ำกว่าช่วงก่อนหน้านี้ บางรายถึงขั้นระบุว่า “ขายขาดทุน” เพื่อล้างสต็อกรับกระแสเงินสดคืนมา โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีการโพสต์ขายในราคาต่ำมากที่สุดคือ กลุ่มเจลล้างมือ และ แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ รวมไปถึง ทิชชูแอลกอฮอล์ ด้วย
ก่อนหน้านี้ราคาเจลล้างมือและแอลกอฮอล์ชนิดน้ำพุ่งสูงขึ้น จนกระทรวงพาณิชย์ต้องประกาศเป็นสินค้าควบคุมราคาในวันที่ 6 มี.ค. 63 แต่ด้วยดีมานด์ที่สูงทำให้ยังมีผู้ลักลอบขายในราคาแพงอย่างต่อเนื่อง
โดยช่วงก่อนกลางเดือนเมษายน ราคาเจลแอลกอฮอล์ล้างมือเคยขึ้นไปเฉลี่ย 0.62-1.33 บาท/มิลลิลิตร หรือแบบขวดปั๊ม 500 มิลลิลิตร มีผู้จำหน่ายในราคา 200-300 บาท แบบหลอดขนาด 30-50 มิลลิมิตร มักจะจำหน่ายที่ 50-60 บาท ส่วนแอลกอฮอล์ชนิดน้ำ เข้มข้น 70-75% ราคาขายอยู่ที่ 130-220 บาท/ลิตร แล้วแต่ขนาดบรรจุภัณฑ์
เทียบกับราคาที่รัฐบาลจำหน่าย เจลล้างมือร้านธงฟ้าขายในราคา 0.3 บาท/มิลลิลิตร (ถุง 100 มิลลิลิตร 30 บาท) ส่วนแอลกอฮอล์ชนิดน้ำที่ขายโดย ปตท. เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน ราคา 110 บาท/ลิตร
ส่วนทิชชูแอลกอฮอล์ในช่วงเดือนมีนาคมที่การระบาดยังคงแพร่ขยายเป็นวงกว้าง บางรายขึ้นราคาไปสูงกว่าราคาขายปลีกที่ระบุหน้าซองแต่ก็ยังมีลูกค้าสนใจจำนวนมาก
กระทั่งช่วงหลังกลางเดือนเมษายนเป็นต้นมา ราคาสินค้านี้กลุ่มนี้เริ่มปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้มีผู้ขายบางรายโพสต์ขายโดยระบุว่าเป็นราคา “ขาดทุน” เช่น เจลล้างมือขวดปั๊ม 500 มิลลิลิตรตัดขายที่ขวดละ 100 บาท หรือแบบหลอดตัดขายที่ราคา 3 หลอด 100 บาท ส่วนราคาทั่วไปที่ไม่ใช่การลดล้างสต็อกพบว่า เจลล้างมือขวดปั๊มจะขายในราคาไม่เกิน 200 บาทแล้ว
ขณะที่แอลกอฮอล์ชนิดน้ำก็เช่นกัน ปัจจุบันราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 60-120 บาท/ลิตรเท่านั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อ เห็นได้ว่าสินค้าทั้งสองประเภทมีการลดราคาไปกว่าครึ่ง
พ่อค้าคนกลางเจ็บสุด
จากการสำรวจตลาดพบว่า ผู้ขายหลายรายที่โพสต์ขายในราคาทุนหรือต่ำกว่า มักจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าคนกลางที่ลงทุนสต็อกของไว้ขายแล้วปล่อยออกไม่ทันเหตุการณ์
บางรายประสบปัญหารับเป็นคนกลางจัดหาสินค้า แต่ได้รับสินค้ามาช้ากว่ากำหนดทำให้ลูกค้ายกเลิกออเดอร์ สต็อกของจึงปล่อยออกไม่ทันเช่นกัน สินค้าที่พบปัญหานี้มากมักจะเป็นทิชชูแอลกอฮอล์ซึ่งต้นทางผู้ผลิตมาจากต่างประเทศ ทำให้ซัพพลายสินค้าเข้าช้ากว่ากำหนด
ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นตามสถานการณ์ที่ช่วงแรกผู้บริโภคมีดีมานด์พร้อมกันในช่วงระบาดหนักในเดือนมีนาคม โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังเดินทางทำงานนอกบ้าน จึงมีความจำเป็นต้องใช้สินค้า ขณะที่การกระจายซัพพลายยังมีไม่มาก แต่ในเวลาต่อมา ซัพพลายหาซื้อได้ง่ายขึ้นตามซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อต่างๆ สวนทางกับดีมานด์ที่น้อยลงเพราะประชาชนกว่าครึ่งอยู่บ้าน และหลายคนซื้อกักตุนเอาไว้แล้ว
แอลกอฮอล์หาง่าย แบรนด์ใหญ่ขายเอง
ในช่วงแรกที่เริ่มมีข่าวการแพร่ระบาดในประเทศไทย แอลกอฮอล์ที่ไว้ใช้ฆ่าเชื้อโรคเริ่มมีการขาดตลาด เพราะผู้บริโภคต่างซื้อตุนไว้ใช้ ทำให้เป็นสินค้าหายากร้านขายยาหลายๆ ร้านขึ้นป้ายว่าของหมด พอๆ กับหน้ากากอนามัย
ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้มีแม่ค้าหัวใสนำแอลกอฮอล์ไปปั่นราคาบนโลกออนไลน์ อัพราคาไปจนถึง 300-400 บาท/ขวดเลยทีเดียว จากราคาปกติอยู่ที่ 30-60 บาทเท่านั้น
แต่สถานการณ์เริ่มพลิกผัน เมื่อแบรนด์ใหญ่ๆ ในตลาดไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่อย่าง “ปตท.” ก็มาผลิตแอลกอฮอล์จำหน่ายในราคาถูก รวมถึงแบรนด์แอลกอฮอล์ต่างลงมาขายเองบนโลกออนไลน์ และจำหน่ายในราคาปกติ ได้แก่ “Alsoff” จำหน่ายในราคาแพ็กละ 100 บาท/2 ขวด และ “ศิริบัญชา” จำหน่ายในราคาแพ็กละ 180 บาท/3 ขวด เฉลี่ย ขวดละ 60 บาท
รวมถึงกลุ่ม KTIS (เคทิส) หรือกลุ่
ทำให้แอลกอฮอล์ไม่ได้เป็นสิ่งหายากอีกต่อไป อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่าย ราคาถูกอีกด้วย ยิ่งตอกย้ำอาการติดดอยของผู้กักตุนสินค้าไว้ขายต่อ
แตกต่างจึงอยู่รอด
ปัจจุบันโรงงานผู้ผลิตมีการเสนอขายโดยตรงกับผู้บริโภคด้วย ทำให้พ่อค้าคนกลางมีโอกาสขายเจลล้างมือและแอลกอฮอล์แบบบรรจุขวด ถุง หรือถังทั่วไปน้อยลง แต่ยังมีหลายรายที่ยังขายได้คือกลุ่มที่สร้างสรรค์เพิ่มคุณค่าสินค้า จากการสำรวจตลาด เช่น
1) ปรับแพ็กเกจจิ้งให้แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นลายขวดที่สื่อถึงตัวตนผู้ใช้ หรือลักษณะขวดที่ไม่ซ้ำแบบใคร
2) คุณสมบัติมากกว่าปกติ เช่น เติมกลิ่นน้ำหอม ผสมสารบำรุงผิว เจลล้างมือรับประกันไม่ทิ้งความเหนียวไว้ แอลกอฮอล์แบบออร์แกนิก
3) มีเรื่องราว เช่น เป็นแอลกอฮอล์จากโรงงานสุรา ช่วยผู้ประกอบการในช่วงวิกฤต
เชื่อว่าสถานการณ์ระบาดที่ยังไม่จบลงแบบ 100% น่าจะทำให้เราได้เห็นการสร้างสรรค์สินค้าและแบรนด์ในกลุ่มอุปกรณ์ป้องกัน COVID-19 อีกมาก!