รู้จัก “2050 curry” แกงกะหรี่กึ่งมังสวิรัติ รับเทรนด์อาหารไร้เนื้อ เขย่าสังเวียนอาหารถุงสำเร็จรูป

ตลาดแกงกะหรี่ถุงสำเร็จรูปกำลังร้อนระอุขึ้นอีกเมื่อ “2050 curry” แกงกะหรี่กึ่งมังสวิรัติสามารถแจ้งเกิดสู่ตลาดโลกด้วยธีมอนาคต ไอเดียพัฒนาแกงกะหรี่ยุคหน้ามาจากความเชื่อว่าเนื้อสัตว์จะขาดแคลนหนักในอีก 30 ปีนับจากนี้ ล่าสุดแกงกะหรี่หัวก้าวหน้าอย่าง 2050 curry สามารถเขย่าตลาดแกงกะหรี่บน Amazon ได้แล้วด้วยยอดขายเกิน 500 ซองต่อวัน

ต้นสังกัดแกงถุงสำเร็จรูป 2050 curry เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นชื่อว่า Yamamori ดีกรีของบริษัทนี้ไม่ธรรมดาเพราะ Yamamori เป็นบริษัทที่กินมาร์เก็ตแชร์อาหารสำเร็จรูปบรรจุห่อแบบพร้อมรับประทานรายใหญ่ในญี่ปุ่น Yamamori เปิดโรงงานในประเทศไทยในปี 2004 และเป็นคู่แข่งกับ Ryohin Keikaku ต้นสังกัดแบรนด์ Muji ที่จำหน่ายแกงกะหรี่สำเร็จรูปแบบฉีกซองเข้าไมโครเวฟแล้วรับประทานได้ทันที

ใช้ดิสโทเปียขายแกงกะหรี่

ดิสโทเปีย หรือ dystopia นั้นเป็นแนวคิดโลกที่ไม่มีใครปรารถนาเพราะมีแต่ความยากแค้นขาดแคลน สิ่งที่ 2050 curry ทำคือการหยิบปี 2050 ซึ่งเป็นปีที่คาดกันว่าโลกจะเข้าสู่ช่วงวิกฤติอาหารโดยเฉพาะเนื้อสัตว์ทุกชนิด ทฤษฎีนี้ทำให้ Yamamori เปิดตัว 2050 curry ซึ่งใช้เนื้อสัตว์ทำจากถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบ

เนื้อสัตว์จากถั่วเหลืองหรือที่คนไทยเรียกว่าโปรตีนเกษตรนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ขณะเดียวกัน 2050 curry ก็แสดงจุดยืนว่าไม่ใช่อาหารมังสวิรัติ เพราะมีระบุส่วนผสมว่าใช้ผงสกัดจากเนื้อวัว ทำให้รสชาติของแกงกะหรี่แห่งอนาคตยังกลมกล่องไม่แพ้ยุคปัจจุบัน

 

2050 curry ใช้สื่อโฆษณาเป็นภาพยนตร์สั้นไซไฟ แสดงถึงช่วงเวลาที่ผู้คนในอนาคตต้องโหยหาเนื้อสัตว์ ทางออกคือ 2050 curry ที่มี 3 รสชาติทั้งพริกไทย กระเทียม และหมาล่า สนนราคาซองละ 360 เยนหรือ 90 บาท เริ่มวางจำหน่ายเมื่อ 31 มกราคม 2020 ที่ผ่านมา

2050 curry สร้างชื่อให้ Yamamori ผู้ผลิตผลิตสินค้ากลุ่มซอสถั่วเหลืองที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1889 ในเมืองคุวะนะ จังหวัดมิเอะ แถมความที่ 2050 curry ขายในบรรจุภัณฑ์ที่ไม่มีรูปแกงกะหรี่ แต่ใช้รูปสไตล์ dystopian สะท้อนภาพเมืองร้างและดาวเคราะห์ ทำให้สินค้านี้ได้รับความสนใจมากกว่าแกงกะหรี่แบรนด์อื่น สถิติพบว่า 2050 curry ขายดีมากบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon บนยอดขายเกิน 500 ชุดต่อวัน ขณะเดียวกันก็มีแผนขยายไปจำหน่ายในร้านค้าสาขาอื่นด้วย

จุดยืนใหม่พัฒนา 2 ปี

Noritada Mitsubayashi ประธานบริษัท Yamamori ระบุว่าบริษัทมีนโยบายขยายธุรกิจในตลาดใหม่จากที่ปักหลักผลิตซอสถั่วเหลืองสำหรับตลาดในประเทศมาตลอด โดยวางเป้าว่าสินค้าของบริษัทจะสร้างความตระหนักเกี่ยวกับวิกฤตอาหารที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับแกงในซีรีส์ 2050 curry ถูกพัฒนามานาน 2 ปี เรียกว่านานกว่าสินค้าปกติถึง 5 เท่า

สำหรับความกังวลว่าการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ไม่มีภาพแกงจะทำผู้บริโภครับรู้ไม่ได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์แกงกะหรี่ ประธาน Yamamori ไม่สนใจและมีนโยบายให้ทีมพัฒนาเดินตามแนวคิดวิกฤตอาหารแบบเต็มที่ ซึ่งนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์แกงกะหรี่ Yamamori ยังเปิดตัวเนื้อถั่วเหลืองในซอสมะเขือเทศสำหรับรับประทานกับข้าว เนย ซอสขาวครีม และชีสเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ปัจจุบัน Yamamori ปรับลดสัดส่วนการขายซีอิ๊วลง แล้วเพิ่มรายการสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีการแปรรูปอาหาร เช่น เครื่องปรุงรสสำหรับข้าว เนื้อสัตว์ และผักมากขึ้น สินค้าที่เด่นอีกกลุ่มของ Yamamori คืออาหารไทยสำเร็จรูป ซึ่งรวมถึงแกงกะหรี่ไทยที่ Yamamori บอกว่าขยายตัวเกิน 8 เท่าระหว่างปีงบประมาณ 2008 ถึง 2018 ผลจากการเปิดโรงงานในประเทศไทยช่วงปี 2004

Yamamori จึงมีตำแหน่งแชมป์ตลาดแกงกะหรี่ไทยรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นช่วงปีงบประมาณ 2018 ที่ผ่านมา เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Ryohin Keikaku เจ้าพ่อแบรนด์ Muji และ S&B Foods Inc. ที่เล่นในตลาดแกงกะหรี่สำเร็จรูปที่ญี่ปุ่นอย่างดุเดือด

ประธาน Yamamori หยอดคำหวานผ่านสื่อญี่ปุ่นด้วยว่าบริษัทพัฒนาแกงไทยโดยใช้วัตถุดิบสดใหม่ เป้าหมายของ Yamamori คือการทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างประเทศไทยกับญี่ปุ่น.


ที่มา :