สถานการณ์โควิด 19 ในปัจจุบัน เป็นวิกฤตการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และส่งผลกระทบต่อเราทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ใคร จะเห็นได้ชัดจาก การที่ห้างสรรพสินค้าปิดให้บริการงานด้านบริการบางประเภทก็ต้องงดให้บริการ และยังมีคำสั่งให้ปิดร้านชั่วคราว คนทำงานออฟฟิศ ต้องหันมาทำงานที่บ้าน (Work From Home) แม้แต่ร้านสะดวกซื้อ 24 ชม. ยังต้องกำหนดเวลาปิด เรียกได้ว่า ทุกอย่างต้องหยุด เพื่อหลบทาง ให้เชื้อร้ายนี้ ผ่านพ้นไปก่อน
การรณรงค์ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” อาจเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน แต่หากคุณเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์ชอบท่องเที่ยว น่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจไม่น้อย และโหยหาการออกไปท่องโลกกว้าง “คุณป๊อบ ยุทธภูมิ” ก็เป็นหนึ่งคนที่มีไลฟ์สไตล์ชอบเดินทางผจญภัย ในช่วงสถานการณ์ปกติ (ก่อนวิกฤตโควิด19) เค้าหลงใหล การเดินทางไปอย่างช้าๆบนทางบก เริ่มตั้งแต่การโบกรถ เพื่อเดินทางในสมัยมัธยม การออกเดินเท้าอาศัยรถไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายปี ในสมัยวัยรุ่น การกินอาหารเหลือตามข้างถนน การดื่มน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ การอดอาหาร ความเหนื่อย ความหิว การเดินทางที่ไม่มีแผน ความมีอิสระและไร้ขอบเขต ในทุกๆหลักไมล์คือการเรียนรู้ และประสบการณ์แปลกใหม่ ที่หาไม่ได้จากตำราเรียนแต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด 19 และมีการรณรงค์ให้อยู่บ้าน สิ่งที่ชายคนนี้ทำ คือ การหาความสุขเล็กๆ จากสิ่งรอบตัว เพื่อ Stay at Home แบบไม่เครียด
คุณป๊อบ กล่าวว่า “สิ่งเล็กๆที่อยู่รอบตัวเรา มันคือความสุข ช่วงที่ผ่านมา ผมดูแลซ่อมแซมสิ่งต่างๆ ในบ้าน รวมไปถึงการปลูกและดูแลพืชอาหารไว้เพื่อกินเอง พร้อมการทำวัตถุดิบในการประกอบอาหาร อีกทั้งการคั่ว และบดกาแฟที่ไปเก็บมาเองจากป่า เพื่อไว้กินเอง นอกจากนี้ยังมีการวาดภาพเล่นๆ ลงบนเฟรมผ้าดิบและในบางครั้งก็เล่นดนตรี ซ่อมเครื่องดนตรี อย่างพวกเปียโนโบราณ ที่มันเสียหาย ทำให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ สำหรับผมแล้ว มันคือส่วนหนึ่งของความสุข ที่ไม่จำเป็นต้องออกไปวุ่นวายกับสังคมภายนอกเลย และที่สำคัญ ผมการออกกำลังกายทุกวัน การออกกำลังกายในยามเช้า ตากแดดอ่อนๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามิน D แบบฟรีๆ สิ่งเหล่านี้ จะช่วยส่งผลให้สุขภาพกายของเราดี และสุดท้าย สุขภาพจิตของเราก็จะดีไปด้วย”
สำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์ชอบท่องเที่ยว หลายคน เกิดปัญหาในการปรับตัวเมื่อต้อง Stay at Home แบบออกไปไหนไม่ได้คุณป๊อบ แนะนำว่า “การจะอยู่บ้านตลอดเวลาแบบให้มีความสุข ควรเริ่มต้นจากการถามหัวใจของตัวเอง ว่าที่จริงแล้วสิ่งไหน ที่ทำให้หัวใจของเรามีความสุข สิ่งไหนที่ทำให้เราและคนที่เรารักมีความสุข อย่างเช่นหากเป็นครอบครัวที่ชอบเรื่องของอาหาร ที่ในสภาวะปกติก็จะเดินสายกินอาหารในหลายสถานที่ โอกาสนี้ ก็ชวนคนในครอบครัว ทำอาหาร นอกจากจะประหยัดแล้ว เรื่องราวเล็กๆเหล่านี้ ยังสร้างสัมพันธภาพที่ดีภายในครอบครัว ซึ่งส่งผลดีไปถึงสุขภาพกายและสุขภาพจิตอีกด้วย”
“ผมถือโอกาสในการอยู่บ้าน ซ่อมแซมสิ่งของต่างๆ ที่ผมรัก แม้แต่กระทั่งเสื้อผ้า ผมก็เป็นคนซ่อมแซมด้วยตัวเอง จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องพื้นฐาน ที่ไม่ได้ยากอะไร แต่มนุษย์ในสังคมยุคใหม่กลับมองข้าม เรามองว่าเราต้องหาเงิน เพื่อจะเอาเงินที่เราหามาได้ แล้วกับบริการต่างๆ ที่เราต้องการ เราเข้าใจว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เราใช้เงินซื้อความสุขที่ระบบทุนนิยม คิดว่ามันสำเร็จรูป แต่หากเรามีเวลามองลงไปลึกๆ เราก็จะรู้ ว่าจริงๆแล้ว มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เราแค่บอกและสอนต่อๆกันมาว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่ดี ต้องเรียนสูงๆ ทำงานดีๆ เป็นเจ้าคนนายคน จะได้ผลตอบแทนเยอะๆ เพื่อเอาเงินมาจับจ่ายกับสิ่งที่เราต้องการ ซึ่งจริงๆแล้ว ความสุขที่แท้จริง มันควรจะออกมาจากการที่เรารู้จักตนเอง เข้าใจโลก เรียนรู้สังคม และปรับตัวให้ดำเนินชีวิตในกับโลกยุคใหม่แบบของแต่ละคน เราต่างก็ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กฎของธรรรมชาติ ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดไหน ฝืนกฎของธรรมชาติไปได้ สิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงที่สุด ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่นานที่สุด และสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ตลอดไป และสุดท้าย สิ่งมีชีวิตที่มีมันสมองที่ดีมากที่สุด และร่ำรวย มีเงินมากที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสุขที่สุดเช่นกัน”
“ผมเชื่ออยู่เสมอว่า เราทุกคนล้วนมีความสุขในแบบของตนเอง หากเราสงบ และได้อยู่กับตัวตนของเราเสียงหัวใจจะตอบเรา ว่าความสุขที่แท้จริง มันคืออะไร”