‘บมจ. เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 มีรายได้รวม 844.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.0% และกำไรสุทธิ 83.0 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน -29.5% แต่หากพิจารณาไม่รวมกำไรพิเศษและการขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 25.6 ล้านบาท กำไรสุทธิจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมวางแผนรับมือผลกระทบ COVID-19 เร่งบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาด เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ครึ่งปีหลังเพื่อสร้างการเติบโตต่อ
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 มียอดขายเติบโตได้ดีตามแผนงานที่วางไว้ โดยมีรายได้รวม 844.3 ล้านบาท เติบโต 6.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิอยู่ที่ 83.0 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามหากไม่นับรวมผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากค่าเงินอ่อนค่าในไตรมาส 1 จำนวน 25.6 ล้านบาท กำไรสุทธิจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับที่น่าพอใจแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มเติม
ปัจจัยที่ยอดขายไตรมาสแรกเติบโตมาจากพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแรง ยอดขายต่างประเทศที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่องทางการจัดจำหน่ายและคู่ค้าทางธุรกิจที่ครอบคลุมกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ตลาดในประเทศมีการออกสินค้าใหม่และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่จากการประเมินผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ถึงแม้ว่าสินค้าอุปโภค-บริโภคเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบต่ำเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่คาดว่าความต้องการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงไตรมาส 2/2563 มีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากมาตรการ Work from home หยุดการหยุดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนลดการเดินทางออกนอกบ้าน ทำให้อัตราการบริโภคเครื่องดื่มลดลงตามไปด้วย อีกทั้งการประมาณการระยะเวลาของปัญหา COVID-19 ยังคาดการณ์ได้ยาก บริษัทฯ จึงได้ปรับแผนธุรกิจใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยมุ่งเน้นการรักษาเป้าหมายกำไร ด้วยการบริหารจัดการด้านต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพโดยปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หันมามุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเมื่อสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย และรัฐบาลประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการ
ล็อกดาวน์ ตลาดทั้งในและต่างประเทศจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป ดังนั้นบริษัทฯ จึงวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งบริษัทฯ จะพิจารณาความเหมาะสมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
‘แม้ว่าภาพรวมการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมีแนวโน้มชะลอตัว แต่เชื่อว่า SAPPE ได้รับผลกระทบในระดับไม่สูงมากนัก เนื่องจากปัจจุบันกระแสเงินสดและสภาพคล่องของเราแข็งแกร่ง มีฐานะการเงินที่ดี ไม่มีแนวโน้มจากปัญหาลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นเนื่องจากการส่งออกจะรับชำระเงินก่อนส่งมอบสินค้า บริษัทมีความพร้อมในการสร้างโอกาสทางธุรกิจภายใต้ภาวะวิกฤต โดยได้เริ่มดำเนินการหลายมาตรการเพื่อรองรับการเติบโตเมื่อสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายและภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว อาทิ การมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าในกลุ่มที่ให้คุณประโยชน์เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่สนใจด้านสุขภาพมากขึ้น ซึ่ง Sappe ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มนี้ การยกระดับเครื่องจักรและการพัฒนาคนเพื่อเพิ่มลดต้นทุนในการผลิต การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป” นางสาวปิยจิต กล่าว