บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด รายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2563 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา โดยแดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “อาลีบาบาประสบความสำเร็จด้วยการมียอดขายรวม (Gross merchandise volume หรือ GMV) เกิน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 31.9 ล้านล้านบาท เป็นครั้งแรกในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของเราตลอดปีงบประมาณนี้ แม้ว่าจะมีหนึ่งไตรมาสที่เราได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการระบาดของโควิด-19 แต่ธุรกิจโดยรวมก็มีการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนลูกค้าที่ใช้งานเป็นประจำอยู่ 960 ล้านคนทั่วโลก ที่ผ่านมาโรคระบาดได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและการดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ไปอย่างมาก ทำให้การเปิดรับและเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ดิจิทัลเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งอาลีบาบาก็ได้เตรียมพร้อมและจัดเตรียมเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กในทุกอุตสาหกรรมสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลได้ตามที่ต้องการ เพื่อฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบากและแข่งขันได้ในยุคนิวนอร์มอล เราเชื่อว่าการเน้นผลในระยะยาวและการลงทุนเพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภคและลูกค้าภาคธุรกิจ จะทำให้อาลีบาบาสามารถพลิกฟื้นจากวิกฤตนี้ได้อย่างเข้มแข็งและพร้อมสร้างการเติบโตมากขึ้นในอนาคต”
แม็กกี้ วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “แม้จะมีหนึ่งไตรมาสที่เราได้รับผลกระทบจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีนที่ลดลงเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 แต่เราก็สามารถทำรายได้ตลอดทั้งปีได้เหนือกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ที่ 5 แสนล้านหยวน รายได้ของเราเติบโตขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกในประเทศและรายได้จากธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งที่เติบโตเป็นอย่างดี กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) เติบโตขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนว่าเรามีระเบียบวินัยในการจัดสรรทรัพยากรให้กับธุรกิจหลักที่มีการเติบโต ในขณะเดียวกันก็สามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แม้ว่าโรคระบาดจะส่งผลลบต่อธุรกิจหลักของเราคือการซื้อขายภายในประเทศจีนมาตั้งแต่เดือนมกราคม แต่เราก็ได้เห็นการฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมีนาคม จากมุมมองของเราเมื่อดูจากสถานการณ์การบริโภคภายในประเทศและความต้องการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลขององค์กรต่างๆ เราคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 6.5 แสนล้านหยวนในปีงบประมาณ 2564”
ข้อมูลที่น่าสนใจจากผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2563 เมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
- รายได้รวม (Revenue) อยู่ที่ 509,711 ล้านหยวน หรือ 71,985 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2,296,321 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- จำนวนลูกค้าประจำต่อปี (Annual active consumers) ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบาแตะ 960 ล้านคนทั่วโลก แบ่งเป็นผู้บริโภคในจีน 780 ล้านคน และนอกตลาดจีน 180 ล้านคน ส่วนจำนวนลูกค้าประจำในตลาดค้าปลีกจีนอยู่ที่ 726 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 72 ล้านคนในรอบ 12 เดือน เมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563
- ผู้ซื้อเป็นประจำทุกเดือนผ่านมือถือ (Mobile MAUs) ในตลาดค้าปลีกจีนสูงถึง 846 ล้านคน เมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563 เพิ่มขึ้น 125 ล้านคน เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2562
- ยอดขายรวม (GMV) ที่วัดจากธุรกรรมทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบา อยู่ที่ 7.53 ล้านล้านหยวน หรือ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 31.9 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2563 ซึ่งหลักๆ แล้วมาจากตลาดค้าปลีกจีน 6.589 ล้านล้านหยวน หรือ 9.54 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 30.4 ล้านล้านบาท) และอีกส่วนหนึ่งมาจากตลาดต่างประเทศและบริการสำหรับผู้บริโภคท้องถิ่น
- กำไรจากการดำเนินการ (Income from operations) อยู่ที่ 91,430 ล้านหยวน หรือ 5,682 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 181,255 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITDA) และคำนวณแบบ non-GAAP เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 157,659 ล้านหยวน หรือ 22,266 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 710,285 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) และคำนวณแบบ non-GAAP อยู่ที่ 137,136 ล้านหยวน หรือ 19,367 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 617,807 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- กำไรจากการพาณิชย์หลักที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA for core commerce) อยู่ที่ 165,800 ล้านหยวน หรือ 23,415 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 746,938 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้วของธุรกิจมาร์เก็ตเพลส (Market place-based core commerce adjusted EBITA) และคำนวณแบบ non-GAAP เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 192.771 ล้านหยวน หรือ 27,224 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 868,445 ล้านบาท)
- กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นสามัญ (Net income attributed to ordinary shareholders) อยู่ที่ 149,263 ล้านหยวน หรือ 21,080 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 672,452 ล้านบาท) กำไรสุทธิ (Net income) เท่ากับ 140,350 ล้านหยวน หรือ 19,821 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 632,289 ล้านบาท) กำไรสุทธิที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP net income) คิดเป็น 132,479 ล้านหยวน หรือ 18,710 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 596,849 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- กำไรต่อหุ้นปรับลดในตลาดหุ้นสหรัฐ (Diluted earnings per ADS) เท่ากับ 55.93 หยวน หรือ 7.90 เหรียญสหรัฐ (ราว 252 บาท) กำไรต่อหุ้นปรับลดในตลาดหุ้นสหรัฐที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP diluted earnings per ADS) เท่ากับ 52.98 หยวน หรือ 7.48 เหรียญสหรัฐ (ราว 238 บาท) เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กำไรปรับลดต่อหุ้น (Diluted earnings per share) เท่ากับ 6.99 หยวน หรือ 0.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 31 บาท) และกำไรปรับลดต่อหุ้นที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP diluted earnings per share) เท่ากับ 6.62 หยวน หรือ 0.93 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 29 บาท) เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน (Net cash provided by operating activities) อยู่ที่ 180,607 ล้านหยวน หรือ 25,507 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 813,673 ล้านบาท) ส่วนกระแสเงินสดสุทธิที่คำนวณแบบ Non-GAAP (Non-GAAP free cash flow) อยู่ที่ 130,914 ล้านหยวน หรือ 18,489 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 589,799 ล้านบาท)
กลยุทธ์และแผนธุรกิจล่าสุด
ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบา
ธุรกิจซื้อขายในตลาดผู้บริโภคของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของอาลีบาบา ซึ่งประกอบด้วยตลาดค้าปลีกในจีน ตลาดค้าปลีกในต่างประเทศ และบริการสำหรับผู้บริโภคท้องถิ่น มียอดขายรวม 7.503 ล้านล้านหยวน หรือ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 31.9 ล้านล้านบาท) ในรอบ 12 เดือนเมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยเมื่อเดือนกันยายน 2562 ที่เป็นโอกาสครบรอบ 20 ปีของอาลีบาบา เราได้ตั้งเป้าหมายในระยะ 5 ปีเอาไว้ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกิจของเราใน “การทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้ง่ายจากทุกที่” ได้แก่
- ขยายธุรกิจไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
- ให้บริการลูกค้าในจีนให้ได้มากกว่า 1 พันล้านคน
- ทำยอดขายรวมบนแพลทฟอร์มของเราให้ได้มากกว่า 10 ล้านล้านหยวน
ซึ่งเป้าหมายในระยะ 5 ปีนี้ จะเป็นแนวทางเพื่อให้เราไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ในปี 2579 คือ
- ให้บริการลูกค้าให้ได้ 2 พันล้านคนทั่วโลก
- ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจ 10 ล้านรายมีกำไร
- สร้างงาน 100 ล้านตำแหน่ง
ทั้งนี้ อาลีบาบาได้ให้บริการผู้บริโภคทั้งหมดผ่านแพลทฟอร์มหนึ่งเดียวซึ่งมีช่องทางแยกย่อยไปยังบริการต่างๆ โดยเมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 มีผู้บริโภคในจีน 780 ล้านคนที่เคยใช้บริการอาลีบาบา ทั้งจากร้านค้าปลีกของเราในจีน และบริการผู้บริโภคในท้องถิ่น รวมถึงแพลทฟอร์มสื่อดิจิทัลและความบันเทิงของเรา ในจำนวนผู้บริโภคเหล่านี้นับเป็น 85% ของคนที่อาศัยในเมือง และ 40% ของคนที่อาศัยอยู่ในชนบท เรายังขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศโดยมีลูกค้าที่ใช้งานประจำในตลาดค้าปลีกต่างประเทศมากกว่า 180 ล้านคน โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของเรา เช่น สมาร์ทโลจิสติกส์ และคลาวด์คอมพิวติ้งซึ่งทำงานอยู่ในธุรกิจของเราทั้งแพลทฟอร์มซื้อขาย บริการท้องถิ่น และความบันเทิง ช่วยให้เราได้รับข้อมูลเชิงลึกที่นำมาใช้พัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ นอกจากนี้เรายังให้บริการระบบปฏิบัติการธุรกิจอาลีบาบา หรือ Alibaba Business Operating System (ABOS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้ลูกค้าองค์กรและพาร์ทเนอร์ของเราเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ดิจิทัลได้ประสบความสำเร็จ
การระบาดของโควิด-19
โครงการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจ
การระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการปิดสถานบริการบางแห่งชั่วคราว การเว้นระยะห่างทางสังคม และการห้ามเดินทางท่องเที่ยว มาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2563 สิ่งเหล่านี้ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีนลดลง โดยในช่วงแรกที่เกิดวิกฤตในจีน ข้อกังวลที่กดดันองค์กรต่างๆ มากที่สุดก็คือเรื่องความต่อเนื่องทางธุรกิจ ซึ่งทางแก้ที่เรานำมาใช้มีตั้งแต่การทำให้ซัพพลายเชนทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ลดค่าธรรมเนียม ช่วยสร้างโอกาสในการหารายได้ ปรับปรุงกระแสเงินสด และการทำงานจากที่บ้าน เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราได้ช่วยให้ผู้ขายก้าวข้ามความท้าทาย นอกจากนี้เรายังนำมาตรการเชิงรุกมาใช้เพื่อให้พันธกิจของเราเป็นไปตามเป้าหมายด้วย
ความรับผิดชอบต่อสังคม
เรานำเทคโนโลยีบนแพลทฟอร์มและทรัพยากรต่างๆ ในอีโคซิสเต็มมาใช้เพื่อสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทั้งในจีนและทั่วโลก ได้แก่
- บริจาคอุปกรณ์ PPE และอุปกรณ์ทางการแพทย์ – จากการทำงานร่วมกันระหว่างมูลนิธิอาลีบาบา และมูลนิธิแจ็ค หม่า รวมทั้งมูลนิธิโจและคลาร่า ไช่ ได้มีการบริจาค PPE หรืออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ชุดทดสอบ และเครื่องช่วยหายใจ รวมทั้งหมดมากกว่า 200 ล้านชุดไปยัง 150 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยทีมอลล์ โกลบอล, ทีมอลล์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, Alibaba.com และลาซาด้า ได้ทำหน้าที่จัดหา ตรวจสอบ และจัดซื้อสิ่งของบริจาคที่ขาดแคลนเหล่านี้
- จัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ – ไช่เหนียวซึ่งเป็นธุรกิจโลจิสติกส์ของเราได้ทำหน้าที่จัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปยังจุดหมายปลายทางทั่วโลก ผ่านเครือข่ายโลจิกติกส์ที่ครอบคลุมทั้งสนามบิน การผ่านพิธีการทางศุลกากร บริษัทรถบรรทุก และพนักงานขนส่งในแต่ละพื้นที่
- แบ่งปันความรู้ – มูลนิธิอาลีบาบา และมูลนิธิแจ็ค หม่า ได้ร่วมกันก่อตั้งแพลทฟอร์มแบ่งปันแบบออนไลน์ในชื่อ Global MediXchange for Combating COVID-19 (GMCC) เพื่อเอื้อให้เกิดการแบ่งปันข้อปฏิบัติและความรู้ในการต่อสู้กับโรคระบาดในหมู่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลกในแบบเรียลไทม์ ให้บริการใน 11 ภาษา โดยมีบุคลากรด้านสาธารณสุขเกือบ 1 หมื่นคนจาก 120 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วมอยู่ใน GMCC
- สนับสนุนเงินทุนในการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง – สำหรับในประเทศจีน อาลีบาบาได้บริจาคเงินพิเศษเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้กับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
- เทคโนโลยีเอไอ – เราได้ติดตั้งเทคโนโลยีเอไอให้กับโรงพยาบาลในจีนมากกว่า 550 แห่ง เพื่อช่วยเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบซีทีสแกน
- สร้างงาน – เฟรชฮิปโป และเว็บ Ele.me รวมทั้งคูเป่ย ได้เปิดตัวโครงการแบ่งปันพนักงาน โดยจ้างพนักงานของธุรกิจในภาคการบริการที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ซึ่งรวมถึงร้านอาหาร โรงแรม โรงภาพยนตร์ และห้างสรรพสินค้า
โอกาสทางธุรกิจ
การระบาดของโควิด-19 เป็นโอกาสที่ทำให้ผู้บริโภคเปิดกว้างต่อวิถีชีวิตแบบดิจิทัลมากขึ้น และเปลี่ยนมาซื้อสินค้าที่จำเป็นแบบออนไลน์ ธุรกิจต่างๆ ก็หันมาใช้เครื่องมือดิจิทัลและโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตและจัดการการดำเนินงาน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอาลีบาบาถือเป็นผู้บุกเบิกและพัฒนาธุรกิจที่เอื้อต่อการนำเทรนด์เหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจได้ในระยะยาว เห็นได้จาก
- จำนวนผู้ขายบนแพลทฟอร์มมีเพิ่มมากขึ้น – เราได้เห็นจำนวนผู้ขายที่เปลี่ยนจากการขายเฉพาะหน้าร้าน มาขายผ่านออนไลน์มากขึ้น จำนวนผู้ขายในแต่ละวันที่เข้ามาไลฟ์สตรีมสินค้าผ่านเถาเป่าไลฟ์ในระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม 2563 เพิ่มขึ้นถึง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- การค้าปลีกรูปแบบใหม่ (ในกลุ่มร้านขายของชำ) – เฟรชฮิปโป ซึ่งเป็นเชนซูเปอร์มาร์เก็ตของอาลีบาบา มีการเติบโตที่แข็งแกร่งในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม เนื่องจากคำสั่งซื้อจากลูกค้าผ่านออนไลน์ และความถี่ในการซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมียอดสั่งซื้อต่อครั้งที่มากขึ้น
- ดิงทอล์ค – ในเดือนมีนาคม แอปพลิเคชั่นดิงทอล์คมียอดผู้ใช้ประจำวันในช่วงวันทำงานทะลุ 155 ล้านคน ดิงทอล์คยังเข้าถึงแวดวงการศึกษา เนื่องจากโรงเรียนต่างๆ ได้นำมาใช้เป็นแพลทฟอร์มสำหรับการเรียนการสอนของครูและนักเรียน โดยในเดือนมีนาคมมีการใช้ดิงทอล์คเพื่อการสอนมากกว่า 1 ล้านครั้งต่อวันในช่วงวันทำงาน
- ไช่เหนียว โพสต์ – ในเดือนมีนาคม เนื่องจากมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เราได้เห็นการใช้บริการไช่เหนียว โพสต์เพิ่มขึ้นอย่างมากจากผู้บริโภคที่ต้องการบริการส่งของที่สะดวกและไม่ต้องสัมผัสกัน รวมทั้งมีออพชั่นบริการให้เลือกมากมาย
สำหรับข่าวผลประกอบการภาษาอังกฤษฉบับเต็ม เข้าชมได้ที่ https://www.alibabagroup.com/en/news/press_pdf/p200522.pdf