“ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ” นักลงทุนหลายคนคงเคยได้ยินประโยคนี้ และยิ่งในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวน ราคาหุ้นของหลายบริษัทปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนอาจจะใช้อารมณ์และความรู้สึกในการตัดสินใจซื้อขาย มากกว่าการมองถึงปัจจัยพื้นฐาน และอนาคตของบริษัทเป็นสำคัญ ในบทความนี้เรามี 5 เรื่องน่ารู้สำหรับยุทธศาสตร์เสริมความแข็งแกร่งที่น่าสนใจของ MINT หรือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่เป็นผู้นำธุรกิจ โรงแรม อาหาร และสินค้าแบรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ทั้งในประเทศไทย และในระดับโลก กับประสบการณ์ในธุรกิจและการเติบโตในอุตสาหกรรมมานานกว่า 52 ปี เพื่อประกอบการตัดสินใจของเหล่านักลงทุน บทความนี้จะพาไปดู 5 เรื่องที่จะทำให้คุณเข้าใจไมเนอร์มากขึ้น
- “การท่องเที่ยวในภูมิภาคเริ่มกลับมาแล้ว”
ถึงแม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบในทันที แต่ภาพรวมของการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียพบสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มควบคุมได้ดีในหลายๆ ประเทศ ซึ่งจะเห็นว่าหลายประเทศในเอเชียผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติและมีการออกเดินทางมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้จะส่งผลดีต่อธุรกิจเครือโรงแรมของไมเนอร์ในประเทศไทย ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเป็นคนไทยและคนเอเชียกว่า 60% ตลอดจนมาตรการต่างๆ ของรัฐที่สนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศจะมาช่วยสนับสนุนเพิ่มเติมด้วย ในขณะที่ภาพรวมธุรกิจกลุ่มเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ของไมเนอร์ โดยเฉพาะในยุโรป มีแนวโน้มที่จะกลับมาเปิดตัวในเร็วๆ นี้เช่นกัน จากมาตรการคลายล็อกดาวน์ในแต่ละประเทศ อันจะเห็นได้จากประเทศอิตาลี เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสเปนที่เริ่มกลับมาเปิดประเทศแล้ว ข้อสังเกตอีกอย่างที่สำคัญคือ ลูกค้าส่วนใหญ่ในยุโรปของเอ็นเอช โฮเทลนั้น เป็นลูกค้าภายในประเทศ หรือภายในภูมิภาคยุโรปด้วยกันเอง ซึ่งนับเป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะเริ่มเดินทางเมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง สิ่งที่จริงแท้แน่นอนคือ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะยังคงเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและสำคัญมากของโลก
- “อาณาจักรร้านอาหารไมเนอร์คือฮีโร่”
ในฝั่งแบรนด์อาหารของไมเนอร์มีอัตราเติบโตเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเดลิเวอรี่ ซึ่งมีการปรับกลยุทธ์ให้พร้อมแข่งขันกับแพลตฟอร์มการส่งอาหารเจ้าอื่นๆ โดยอาศัยจุดแข็งที่ไมเนอร์เป็นผู้บุกเบิกการทำตลาดเดลิเวอรี่ ที่มีมาอย่างยาวนานของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี และร้านอาหารในเครืออีกจำนวนมาก ด้วยจุดเด่นทั้งด้านคุณภาพพนักงานส่งอาหารและการรับประกันความรวดเร็วในการจัดส่ง ซึ่งแบรนด์อื่นๆ ยังไม่สามารถทำได้ อีกทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลการสั่งอาหาร 1112 Delivery เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากทุกแบรนด์ที่อยู่ภายใต้เครือไมเนอร์ เพื่อกระตุ้นยอดขายของทุกแบรนด์ร้านอาหารไปพร้อมๆ กัน และช่วยสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มฐานลูกค้าของแต่ละแบรนด์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ไมเนอร์ยังเป็นพาร์ทเนอร์ที่สำคัญของทุกแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ โดยทำกลยุทธ์การตลาดให้ผู้บริโภคได้เห็นสินค้าของแบรนด์ไมเนอร์บนหน้าแรก เพื่อกระตุ้นยอดขายและตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
- “การจัดการต้องเริ่มจากภายใน”
ไมเนอร์มีนโยบายที่รวดเร็วและการมองการณ์ไกลจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ไมเนอร์มีการจัดการภายในอย่างบูรณาการเพื่อบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ไมเนอร์บริหารจัดการลดต้นทุนต่างๆ ที่สามารถทำได้ทันที ซึ่งคิดเป็นกว่า 25% เมื่อเทียบกับต้นทุนในปีก่อนหน้า อาทิ การต่อรองค่าเช่า การลดเงินเดือนของพนักงานบางส่วน ฯลฯ เพื่อรักษาสภาพคล่องและปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรให้พร้อมรับกับการเติบโตในอนาคต
- “ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเรา”
ล่าสุด ไมเนอร์มีมาตรการเสริมความแข็งเกร่งทางการเงิน ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุน ไม่เกิน 716 ล้านหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 6.45 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุนใหม่ โดยคาดว่าจะได้รับเงิน 1 หมื่นล้านบาท และการออกหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุน หรือ Perpetual Bond 1 หมื่นล้านบาท รวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ไมเนอร์สามารถลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3 เท่าภายในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับที่เป็นเป้าหมายภายในของบริษัท
- “โอกาสพิเศษเฉพาะผู้ถือหุ้น”
นอกจากนี้ ไมเนอร์ยังออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ หรือ MINT-W7 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในอัตราส่วน 17 หุ้นเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือวอแรนต์ ให้กับผู้ถือหุ้นของไมเนอร์ โดยคาดว่าจะได้รับเงินอีก 5 พันล้านบาท ในช่วง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2566 ซึ่งตามแผนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินในครั้งนี้จะทำให้ไมเนอร์สามารถรองรับสถานการณ์ต่างๆ ในอนาคตอีก 3 ปีข้างหน้าได้อย่างแน่นอน
สุดท้ายไม่ว่าอย่างไรธุรกิจของไมเนอร์ก็จะยังกลับมาเติบโต ตราบใดที่คนยังต้องการรับประทานอาหารที่หลากหลาย ต้องการการพักผ่อน เดินทางท่องเที่ยว หรือการช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ไมเนอร์จะยังคงอยู่ให้บริการและรอต้อนรับทุกท่านอยู่เสมอ และนี่คือโอกาสสำคัญที่จะเติบโตไปกับธุรกิจคนไทยในเวทีระดับโลก ไมเนอร์เป็นกลุ่มธุรกิจของไทยที่มีการจ้างงานรวมกว่า 8 หมื่นคนจาก 3 กลุ่มธุรกิจ ทั้งโรงแรม 530 แห่ง ร้านอาหาร 2,362 ร้าน และร้านค้า 473 แห่ง ซึ่งให้บริการลูกค้ากว่า 230 ล้านคน ใน 63 ประเทศ โดยไมเนอร์เป็นผู้ประกอบธุรกิจพักผ่อนและสันทนาการที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และแวดวงธุรกิจของประเทศ