SHR ปรับแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง รุกตลาดท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัว พร้อมเดินหน้าลงทุนและขยายพอร์ตโรงแรมตามแผน

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ ในเครือของสิงห์ เอสเตท เผยรายได้จากการขายและการให้บริการในช่วงครึ่งปีแรก ปี 2563 ที่ 1,152 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการประกาศหยุดทำการโรงแรมชั่วคราวตั้งแต่วันที่ เมษายน 2563 เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดในการเดินทาง และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในหลายประเทศ

นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการของ SHR ในครึ่งปีแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้ลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมจากการหยุดให้บริการโรงแรมชั่วคราว ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนและกระแสเงินสดเป็นสำคัญท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ และบริษัทฯ เริ่มกลับมาเปิดให้บริการตามแผนควบคู่กับมาตรฐานใหม่ “New Normal” เพื่อยกระดับมาตรการด้านสุขอนามัยที่ปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก และมาตรการด้านสาธารณสุขในแต่ละประเทศ

SHR ดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกในการกลับมาให้บริการ และปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ โดยมีกำหนดการกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมแห่งแรกที่ประเทศไทย โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท และพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท เปิดให้บริการวันที่ 1 กรกฎาคม และโรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย และ เอาท์ริกเกอร์ เกาะ สมุย บีช รีสอร์ท เปิดให้บริการวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เช่นเดียวกันกับ SAii Lagoon Maldives และ Hard Rock Hotel Maldives กลับมาเปิดให้บริการในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563  สำหรับกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่เปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม 2563 ตามด้วยสาธารณรัฐฟิจ โรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort  และ Castaway Island, Fiji เปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2563 ทั้งนี้ คาดว่าโรงแรม Outrigger ในสาธารณรัฐมอริเชียส และมัลดีฟส์ จะกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งในวันที่ 1 กันยายน และ ตุลาคม 2563 ตามลำดับ

สำหรับแผนในระยะสั้น บริษัทฯ มุ่งเน้นการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้ตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยตั้งเป้าที่จะขยายตลาดกลุ่มลูกค้าในประเทศและในภูมิภาค เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีศักยภาพในการฟื้นตัว และเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพากลุ่มลูกค้าระหว่างภูมิภาคที่ต้องเดินทางไกลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

โรงแรมทั้ง 4 แห่งในประเทศไทยได้เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งให้ส่วนลดค่าห้องพัก 40% ต่อห้องต่อคืน สูงสุด 3,000 บาท ไม่เกิน 5 คืน (รวมสูงสุด 15,000 บาทต่อคน) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ตุลาคม 2563

นอกจากนี้ แต่ละโรงแรมยังได้มอบข้อเสนอพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ด้วยโปรโมชั่น “ซื้อ แถม 1” ทั้งห้องพัก อาหาร เครื่องดื่ม และบริการสปา ที่โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท และสันติบุรี เกาะสมุย สำหรับโรงแรม Outrigger ทั้งสองแห่งของ SHR มอบส่วนลดราคาห้องพักสุดพิเศษ Outrigger Laguna Phuket Beach Resort เริ่มต้นที่ 1,799 บาทต่อคืน และ Outrigger Koh Samui Beach Resort เริ่มต้นที่ 1,999 บาทต่อคืน ซึ่งเป็นโอกาสดีที่คนไทยจะได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติบนเกาะสมุยและเกาะพีพี

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการทั่วโลกหยุดชะงัก และ SHR เองก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามเรามั่นใจว่าด้วยโครงสร้างและจุดแข็งของบริษัท รวมทั้งตำแหน่งทางการตลาดระดับบน ที่อยู่ในกลุ่มการท่องเที่ยวเชิงพักผ่อน (leisure segment) จะผลักดันให้บริษัทสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ เสริมทัพด้วยโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง และระดับหนี้สินที่ต่ำ จะเป็นรากฐานให้ SHR เติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยื” คุณเดิร์กกล่าว

บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนการเติบโตในระยะยาว โดยมีเป้าหมายที่จะขยายพอร์ตการลงทุนของเป็นสองเท่าภายใน 5 ปี และ ยังมีความสามารถในการหาเงินทุนเพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อกิจการ หรือการขยายผ่านรูปแบบรับบริหารจัดการทรัพย์สินให้บุคคลภายนอกภายใต้สัญญา Hotel Management Agreement (HMA)