บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ย้ำบริษัทฯ ขานรับนโยบายรัฐในการสร้ างความมั่นคงทางอาหารให้กับสั งคมไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 และรับวิถี New Normal
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบกับหลายภาคส่วนเป็ นวงกว้างทั่วโลก ไม่ใช่เพียงการสูญเสียทรัพย์สิน แต่ยังส่งผลกระทบต่อสภาพจิ ตใจของคนทุกระดับชั้น ทุกเชื้อชาติได้รับความเดือดร้ อนทั้งสุขภาพ ความเป็นอยู่ รวมถึงเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าวิกฤตครั้งนี้มี ความรุนแรงมากที่สุดในประวัติ ศาสตร์ โดยภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.กลุ่มที่กระทบมาก เช่น สายการบิน โรงแรม และการท่องเที่ยว 2.กลุ่มที่กระทบไม่มากหรื อเสมอตัว เช่น ธุรกิจอาหาร 3.กลุ่มที่ได้ประโยชน์ จากสถานการณ์โควิด-19 เช่น กลุ่มที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ อำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัย
ในส่วนของ ซีพีเอฟ ได้รับผลกระทบจำกัดจากการบริ โภคที่ลดลงในช่วงแรกที่รั ฐบาลประกาศมาตรการล็อคดาวน์ อย่างไรก็ตาม ซีพีเอฟ มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ หลากหลาย เช่น Modern trade Supermarket ตลาดสด จึงช่วยลดผลกระทบได้ในระดับหนึ่ ง
นอกจากนี้ปัจจัยที่ทำให้ ซีพีเอฟ ก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 มาได้ คือการบริหารในช่วงวิกฤตที่ รวดเร็วและกล้าตัดสินใจ ซึ่งบริษัทฯ มีกระบวนการบริหารจัดการเรื่ องนี้ อย่างจริงจัง มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานโควิ ด-19 มีคณะทำงานร่วมประชุมเพื่ อรายงานผลและหาแนวทางแก้ไขปั ญหาอย่างทันท่วงที อีกประเด็นคือ เรื่องหน้าที่และความรับผิ ดชอบของบริษัทที่นอกจากต้องปกป้ องดูแลพนักงานให้ปลอดภัยแล้ว จะปกป้องสังคมและประเทศชาติอย่ างไร ซึ่งจากความคาดหวังของสัมคมกั บภาคอุตสาหกรรมอาหารนั้น ซีพีเอฟ จึงมีมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้ น เพื่อให้กระบวนการผลิตอาหารเป็ นไปอย่างต่อเนื่องและสร้ างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่ าจะมีอาหารคุณภาพปลอดภัยเพี ยงพอต่อความต้องการ รวมถึงร่วมมือกับภาครัฐในการจั ดการระบบขนส่งอาหารอย่างจริงจั งเพื่อให้ถึงมือผู้บริโภคอย่ างปลอดภัย
ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟ ร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ริเริ่ม โครงการ CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลของรัฐ 200 แห่งทั่วประเทศ ตลอดจนผู้เฝ้าระวังที่กลั บจากประเทศเสี่ยงอีก 20,000 คน และมี “โครงการ CPF ส่งอาหารจากใจให้โรงพยาบาล และครอบครัวแพทย์-พยาบาล” จำนวน 20,000 ครอบครัว พร้อมทั้งมอบส่วนลดสุดพิเศษ ช่วยลดค่าครองชีพ สำหรับการซื้อสินค้าในร้านซีพี เฟรชมาร์ท จำนวน 1 ล้านใบ ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่ บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศ ในโครงการ “คูปองส่วนลดจากใจ…ให้ อสม. #ฮีโร่ที่ลืมไม่ได้” โดยร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงนำ CPF Food Truck ส่งมอบอาหารให้กับชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 100 ชุมชน ในโครงการ “อาหารปลอดภัย จากใจ…สู่ชุมชน” โดยผนึกกำลั งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ จัดแคมเปญ “ลดจริง..ไม่ทิ้งกัน ช่วยค่าครองชีพ” ในร้านซีพี เฟรชมาร์ท จำหน่ายข้าวกล่อง ในราคาเพียง 20 บาท เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชี พของคนไทย ให้เข้าถึงอาหารอร่อย คุณภาพดีในราคาประหยัดด้วย เป็นต้น
หลังจากที่มีมาตรการผ่อนปรน แนวโน้มของอุตสาหกรรมอาหารมีทิ ศทางดีขึ้น สำหรับมาตรการปลดล็อคในระยะที่ 6 นี้ มีความสำคัญเป็นอย่างมากกั บหลายภาคส่วน มีผลต่อต้นทุน ประสิทธิภาพ การผลิตฟื้นตัวดีขึ้นอย่างเป็ นลำดับ สำหรับความพร้อมในการรับมื อหากโควิด-19 กลับมาระลอกสอง มองว่าจะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก เนื่องจากทุกคนมีประสบการณ์ และขีดความสามารถในการรับมือดี ขึ้น
“การเปลี่ยนแปลงหลังวิกฤตโควิด- 19 เป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจและอุ ตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากผู้บริโภคตระหนักในเรื่ องสุขภาพและความปลอดภัยมากยิ่ งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับสุ ขอนามัยทั้งประเทศ ซีพีเอฟ ได้เข้าไปช่วยในการปรับเปลี่ ยนคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิ จหลายๆ ช่องทางตามความเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่ องทางตลาดสดที่มีการยกระดับพื้ นที่ขายสินค้าให้มีความสะอาดถู กหลักอนมัย” นายประสิทธิ์กล่าว
ทั้งนี้ ซีพีเอฟ ยังให้ความร่วมมือกับภาครัฐที่ จะัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทยใหเข้ มแข็ง เช่น การร่วมมือกักรมปศุสัตว์เรื่ องการป้องกันโรค ASF อย่างเข้มงวด ทำให้ประเทศไทยสามารถป้องกันโรค ASF ได้นานติดต่อกัน 2 ปี และเป็นประเทศเดียวในระดับภูมิ ภาคที่ยังไม่เคยเกิดโรค ASF สนับสนุนกระทรวงพาณิชย์ ในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ ของประเทศไทยเป็นแหล่งผลิ ตอาหารที่ปลอดภัยและมั่นคงอีกด้ วย