หากจะพูดถึงปัญหาที่มาพร้อมกับหน้าฝน ปัญหาที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ปัญหากลิ่นอับบนเสื้อผ้า กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่กวนใจใครหลายๆคนแต่นอกเหนือจากเรื่องของการส่งกลิ่นอับของผ้าแล้ว ยังมีปัญหาอื่นแอบแฝงที่ส่งผลเสียต่อทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ กลายเป็นปัญหาใหญ่และจริงจังที่หลายๆคนอาจไม่คาดคิดมาก่อน
ในด้านของสุขภาพกายที่เห็นชัดและร้ายแรงที่สุดคือ ปัญหาผิวหนังและโรคทางเดินหายใจ เนื่องจากที่มาของกลิ่นอับชื้นนั้นเกิดจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ตกค้างอยู่ในเสื้อผ้า ซึ่งกรมอนามัยระบุว่าทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคผิวหนัง อาทิ กลาก เกลื้อน เป็นผื่นแพ้ และอาจรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อได้ และยิ่งเสื้อผ้าเป็นวัตถุที่กักเก็บความชื้นที่เอื้อต่อการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย เมื่อเรานำเสื้อผ้าเหล่านี้มาสวมใส่ ก็เหมือนกับการที่เราพกเชื้อรา แบคทีเรียไปกับเราทุกที่ นอกจากนี้เชื้อโรคเหล่านี้ยังสามารถปะปนกับอากาศที่เราใช้หายใจ ซึ่งสุดท้ายอาจนำไปสู่การมีปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะเป็น โรคไข้หวัด ไซนัส หรือกระทั่ง ปอดอักเสบจากเชื้อรา นับเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องใช้เงินและเวลาในการรักษา การที่เราสวมใส่เสื้อผ้าที่ส่งกลิ่นอับชื้นและด้านสุขภาพใจส่งผลโดยตรงต่อบุคลิกภาพที่ไม่ดีและทำให้เราเสียความมั่นใจ เพราะกลิ่นอับชื้นที่ติดตัวตลอดเวลา ทำให้ทำอะไรก็กังวลว่าคนอื่นจะได้กลิ่นที่ไม่สดชื่นจากเสื้อผ้าที่เราใส่ และที่สำคัญอาจนำไปสู่การพลาดโมเม้นต์สำคัญและโอกาสดีๆในชีวิตอีกด้วย
หลายคนอาจกำลังรู้สึกว่าแค่กลิ่นอับบนเสื้อผ้าที่ดูเป็นปัญหาเล็กๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าส่งผลกระทบกับชีวิตเรามากขนาดนี้ ทำให้อยากรู้ว่าสาเหตุของกลิ่นอับชื้นบนเสื้อนี้เกิดจากอะไร วันนี้ Beko จะมาแชร์ถึงสาเหตุที่มาของกลิ่นอับบนเสื้อผ้าให้ทุกคนเพื่อจะได้หาวิธีป้องกันและดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกวิธี ซึ่งสาเหตุของปัญหากลิ่นอับชื้นบนเสื้อผ้าอาจะเกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- ผงซักฟอกตกค้าง ล้างไม่สะอาด แน่นอนว่าผงซักฟอกถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการซักผ้า
แต่ผงซักฟอกก็เป็นสาเหตุของกลิ่นอับได้หากเราใช้ในปริมาณที่มากเกินไปและเมื่อล้างทำความสะอาดไม่หมด ก็จะตกค้างอยู่ตามเนื้อผ้า ส่งผลให้แบคทีเรียเจริญเติบโต ลุกลามกลายเป็นสาเหตุของกลิ่นอับ - การแช่ผ้าข้ามคืนหลายคนคิดว่าการแช่ผ้าทิ้งไว้ข้ามคืน จะทำให้ซักผ้าได้ง่ายและสะอาดมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การแช่ผ้าถือเป็นสาเหตุหนึ่งของการก่อกลิ่นอับบนเสื้อผ้าของเรา เพราะการแช่ผ้าในน้ำที่ผสมผงซักฟอกที่มีส่วนผสมของแป้งจะส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดกลิ่นอับชื้นติดเนื้อผ้าและทำความสะอาดยากกว่าเดิม
- การตากผ้าในที่แสงแดดไม่เพียงพอ ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายในหน้าฝน ท้องฟ้าอากาศอึมครึม ยิ่งฝนตก ก็ยิ่งทำให้ผ้าอับชื้นเข้าไปใหญ่ หากพับเก็บหรือนำมาสวมใส่ทั้งที่ยังชื้นและแห้งไม่สนิท ก็จะก่อให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรียบนเสื้อผ้า โดยเฉพาะเสื้อผ้าหนาๆเมื่อผสมกับเหงื่อซึมเปียกจากการสวมใส่มาทั้งวัน เกิดการอับชื้นกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ทั้งส่งกลิ่นเหม็นและอันตรายต่อสุขภาพ
- เครื่องซักผ้าสกปรกสะสมเชื้อรา หลายคนซักเสื้อผ้าด้วยเครื่องซักผ้าจนผ้าขาวสะอาดแต่กลิ่นไม่หอมซักทีมีกลิ่นอับติดทุกครั้ง อาจต้องลองสำรวจความสะอาดของเครื่องซักผ้า โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าที่มีอายุการใช้งานหลายปี ตามขอบยาง ขอบถังซัก และแม้กระทั่งตัวถังซักเอง หากไม่หมั่นทำความสะอาดเลยและปล่อยไว้นานเกิน ก็จะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราชั้นดี ทีนี้ต่อให้ซักเท่าไหร่ใช้ผงซักฟอกดีแค่ไหนก็จะมีกลิ่นอับติดเสื้อผ้าของเราไปตลอด
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราห่างไกลจากปัญหากลิ่นเหม็นอับและความอับชื้นบนเสื้อผ้า คือการดูแลซักเสื้อผ้าให้สะอาดและมั่นใจว่าผ้านั้นแห้งสนิทก่อนนำไปสวมใส่ ซึ่งงานซักผ้านั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆสำหรับคนวัยทำงานในปัจจุบันเพราะด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ทำงานหนักและไม่ค่อยมีเวลาที่จะซักทำความสะอาดเสื้อผ้า ในวันนี้Beko จึงขอเผยเคล็ดลับฉบับมือโปรเพื่อสุขอนามัยและสุขภาพชีวิตที่ดีกว่า ด้วยนวัตกรรมเครื่องซักผ้ารุ่น AirTherapyที่มีเทคโนโลยีพลังลมร้อนอบผ้าแห้งสะอาดพร้อมใส่ในเครื่องเดียว มาพร้อมกับฟังก์ชั่นมากมายที่ช่วยให้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ง่ายและสะดวกขึ้น สามารถมีเสื้อผ้าที่หอมสะอาดไร้กลิ่นอับไว้สวมใส่ และออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชั่น Clean & Wear โปรแกรมซักอบด่วนพร้อมใส่ภายใน 120 นาทีหรือโปรแกรม Refresh ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพลังลมร้อนช่วยให้ผ้าแห้งได้ภายใน 30 นาที ลดปัญหากลิ่นอับและรอยยับ โดยไม่ต้องซักใหม่ หมดกังวลว่าผ้าจะเหม็นกลิ่นอับโดยเฉพาะในหน้าฝน และด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Beko เพื่อให้มีเทคโนโลยีรองรับกับชีวิตที่ทันสมัยในยุค IoT เครื่องซักผ้า Beko AirTherapyยังสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายด้วยแอปพลิเคชั่น HomeWhizสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Wi-Fiและสั่งโปรแกรมซักต่างๆได้อย่างหลากหลาย
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากให้ชีวิตการซักผ้าของตัวเองง่ายและรวดเร็ว ไร้กลิ่นอับ ดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ สามารถติดต่อได้ที่จุดจำหน่ายต่าง ๆ อาทิ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน, เซ็นทรัล ชิดลม, เซ็นทรัล อีสวิลล์, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เมกา บางนา, โฮมโปร ราชพฤกษ์, โฮมโปร พระราม2, โฮมโปร รามอินทรา และโฮมโปร รังสิต หรือติดตามรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ http://www.beko.co.thและเพจเฟซบุ๊กBeko Thailand
เกี่ยวกับเบโค ไทย
เบโค เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและเริ่มดำเนินการผลิตตู้เย็นเมื่อต้นปี 2559 ที่ผ่านมาณโรงงานที่นิคมเหมราช จังหวัดระยอง โดยใช้เป็นฐานการผลิตส่งออกตู้เย็นไปยังประเทศต่างๆ ได้แก่ สเปน ฝรั่งเศส ตุรกีและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เบโคได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 ที่สยามพารากอน
ภายใต้แบรนด์แมสเสส “Live Healthier”หรือ “สุขภาพดีคุณเลือกได้” แบรนด์ตระหนักถึงสุขภาพที่ดีของคุณ เริ่มต้นจากบ้านที่อยู่อาศัย โดยมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีพร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งสุขภาพกายและใจ อีกทั้งโปรดักซ์ของเบโคยังมีดีไซน์สวยล้ำสมัย ประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์อยากจะมอบความสะดวกสบายและช่วยให้ชีวิตผู้คนง่ายขึ้นในทุก ๆ วัน
ปัจจุบันเบโคได้พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ภายใต้มาตราฐานยุโรป ที่สามารถตอบโจทย์ของคนทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างครอบคลุม เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เบโคเชื่อว่ายุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำเป็นแรงบันดาลใจที่ใหญ่ที่สุดในการคิดค้นโซลูชั่นในอนาคต เบโคจึงได้รับแรงบันดาลใจจากความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้คน และช่วยให้ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ง่ายขึ้นด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ทันสมัย