รีวิวโครงการ : “บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด – พัฒนาการ” ทาวน์เฮาส์ที่มี “สวน” ไว้กลางบ้าน

ปกติทาวน์เฮาส์ที่เราคุ้นเคยมักจะมีเลย์เอาต์ที่ใกล้เคียงกัน คือเป็นกล่องสี่เหลี่ยมแนวยาวซอยเป็นห้องต่างๆ มักจะรับแดดได้ไม่มากและมีพื้นที่สวนเฉพาะด้านหลัง ทำให้สถาปนิกโครงการ “บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด – พัฒนาการ” ต้องการแก้โจทย์นี้ ด้วยการออกแบบทาวน์เฮาส์เล่นระดับที่มี “สวน” อยู่กลางบ้าน ทำให้แดดและพื้นที่สีเขียวถูกเข้าถึงได้จากทุกห้อง

แบรนด์บ้านภูริปุรีนั้นเกิดจากกลุ่มสถาปนิกที่รวมตัวกันออกแบบแก้โจทย์ที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะโจทย์ของ “ทาวน์เฮาส์” ตัวเลือกการอยู่ในเมืองในราคาที่ไม่แพงเกินไป แต่ภายในบ้านกลับยังไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย เพราะแสงแดดจะเข้าได้เฉพาะด้านหน้ากับหลังบ้านเท่านั้น และจุดที่เห็นพื้นที่สีเขียวมีเพียงแค่สวนหลังบ้าน ซึ่งมักจะต้องนำไปทำเป็นลานซักล้าง หรือต้องปลูกไม้ประดับบนระเบียงบ้านแทน

สำหรับโครงการ “บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด – พัฒนาการ” เป็นโครงการที่ 5 ของแบรนด์ พัฒนาผ่านการร่วมทุนของ บริษัท ภูริปุรี จำกัด และ บมจ.แอสเซทไวส์ เอกลักษณ์ของโครงการนี้คือการแก้โจทย์ข้างต้น ด้วยการปรับให้ทาวน์เฮาส์มีคอร์ทยาร์ด หรือ “สวน” ไว้ตรงกลางบ้าน

บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด – พัฒนาการ

ดีไซน์ใหม่ของที่นี่ จะใช้ที่ดินต่อแปลง 32-48 ตร.ว. แบ่งแปลง หน้ากว้าง 5.35 เมตร และเป็นแนวยาวเข้าไป ลึก 18-22 เมตร ส่วนบ้านตัวอย่างหลังที่เราได้ชมจะเป็นไซส์ L คือลึก 20 เมตร ดังนั้น ถือว่าเป็นทาวน์เฮาส์ที่ค่อนข้างใหญ่กว่าปกติเป็นฐานในการดีไซน์

ด้านหน้าบ้านจะเป็นลานจอดรถตามปกติ สามารถจอดได้ 4 คัน (แบบซ้อนคัน) เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นบันไดไปพบกับสวนกลางบ้านก่อน สวนนี้จะเล่นระดับอยู่ตรงกลางระหว่างพื้นที่ห้องทานอาหารชั้น 1 กับห้องนั่งเล่นบนชั้น 2 และพื้นที่สวนจะเปิดโล่งขึ้นไปจนถึงชั้น 3 ของบ้าน ต้นไม้สามารถรับแดดรับลมได้เต็มที่ แต่มีการติดตั้งหลังคาเลื่อนสั่งการด้วยรีโมต สามารถเลื่อนปิดได้เมื่อฝนตกหรือเวลาที่ต้องการ

เมื่อเข้าประตูบ้านทางขวา เดินขึ้นบันไดมาจะเจอกับสวนกลางบ้านเป็นอย่างแรก

เมื่อมีสวนอยู่กลางบ้าน ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะการใช้พื้นที่ไม่เหมือนกับทาวน์เฮาส์ปกติ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยวขนาดเล็กที่มีสวนกลางบ้าน เป็นโอเอซิสพักสายตาและอารมณ์ให้กับผู้อยู่อาศัย

สำหรับการใช้พื้นที่ชั้น 1 ด้านหลังสวนจะเป็น “ห้องทานอาหาร” และ “ครัวแบบไอส์แลนด์” สามารถเปิดบานเลื่อนกระจกเชื่อมต่อกับสวนได้เป็นเนื้อเดียว ถัดจากห้องอาหารจะเป็นมุมห้องทำงาน และหลังบ้านยังเหลือที่เล็กๆ ไว้ปลูกต้นไม้เพิ่มเติมได้

ห้องทานอาหารและครัวแบบไอส์แลนด์ เชื่อมต่อกับสวนผ่านประตูกระจกบานเลื่อน

ส่วนชั้น 2 ที่เชื่อมต่อกับหน้าสวน จะเป็น “ห้องนั่งเล่น” เพดานสูงดับเบิลวอลุ่ม ตรงจุดนี้ไม่เพียงแต่ได้สีเขียวจากสวนกลางบ้าน แต่ระเบียงด้านหน้ายังมีการปลูกต้นลีลาวดีและเหลืองชัชวาลซึ่งเป็นไม้เลื้อยให้ด้วย พร้อมฝังระบบรดน้ำอัตโนมัติ เจ้าของบ้านเพียงแต่เปิดวาล์วน้ำรดน้ำ ไม่ต้องยุ่งยากในการดูแลรักษา เมื่อเหลืองชัชวาลเลื้อยเต็มตะแกรงหน้า facade จะทำให้ทาวน์เฮาส์เขียวชอุ่มสวยงาม

ห้องนั่งเล่นเพดานสูง มองไปทางหน้าบ้านจะเป็นระเบียงปลูกต้นลีลาวดี

จากสวนกลางบ้านมีบันไดเดินต่อไปที่ชั้น 2 ฝั่งหลังบ้าน ส่วนนี้จะเป็น “มาสเตอร์เบดรูม” ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับ walk-in closet อ่างอาบน้ำ และห้องน้ำ จุดที่น่าสนใจคือบริเวณเตียงนอนจะรับแดดอ่อนๆ ได้จากสวนกลางบ้าน เปิดม่านนอนได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว

ห้องนอนมาสเตอร์ วิวสวนส่วนตัว

ขึ้นบันไดต่อเนื่องถึงชั้น 3 ส่วนนี้จะเป็น “ห้องนอนเล็ก” วางเตียง 3.5 ฟุตได้สบายๆ และ “ห้องเล่นเด็ก” อีกห้องหนึ่ง ซึ่งจะปรับไปเป็นห้องอเนกประสงค์ใช้งานอื่นๆ ก็ได้ และมีอีกจุดไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ “ห้องซักรีดและระเบียงตากผ้า” ที่นำมาไว้บนชั้น 3 แทน เพราะผู้ออกแบบมองว่าปกติเสื้อผ้าที่ซักรีดมักจะมาและไปจากห้องนอนของเรา ดังนั้นห้องซักรีดที่อยู่บนชั้น 3 น่าจะตอบโจทย์กว่าเพราะอยู่ใกล้ห้องนอนมากกว่า

 

สวนที่เป็นหัวใจของบ้าน

กลับมาที่การใช้งานสวนกลางบ้าน จุดที่น่าสนใจคือการมีหลังคาเปิดปิดได้ โดยเป็นหลังคาแบบโปร่งแสง จึงไม่ต้องกลัวว่าเมื่อปิดลงแล้วจะทึบทึมไปหมด

และเมื่อปิดหลังคาสวนแล้ว สามารถเปิดหน้าต่าง ประตูเลื่อน และเปิดแอร์ทั้งบ้านเพื่อให้ความเย็นมาถึงสวนได้ ในกรณีที่เจ้าของบ้านจะจัดปาร์ตี้รับแขก แต่ไม่ต้องการความร้อน

วิวสวนมองจากห้องนอนมาสเตอร์ จะเห็นว่าด้านบนเป็นหลังคาเลื่อนแบบโปร่งแสง สั่งการได้ด้วยรีโมต และฝั่งตรงข้ามคือห้องนั่งเล่นของบ้าน

ส่วนตัวสวนนั้นออกแบบไม่ให้เป็นสวนลงดิน แต่เป็นกระบะขนาดใหญ่รองรับการปลูกต้นไม้ ซึ่งสถาปนิกได้คำนวณขนาดกระบะแล้วว่าเมื่อลงดินปริมาณเท่ากับกระบะ จะทำให้ต้นไม้ไม่สามารถเติบโตเกิน 3 ชั้นและทะลุหลังคาออกไป ส่วนพื้นที่ที่เหลือสามารถจัดสวนลงไม้กระถางต่างๆ ตามรสนิยมของเจ้าของบ้านได้เลย

 

จ่ายสูงกว่าเพื่อดีไซน์

ว่ากันที่ทำเลโครงการบ้าง “บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด – พัฒนาการ” อยู่ในซอยพัฒนาการ 32 ถือว่าเป็นย่านที่ยังค่อนข้างใกล้เมืองอยู่ และเป็นย่านที่มีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ จนถึงคอนโดมิเนียมอยู่ในละแวกเดียวกัน

ตัวโครงการนี้เป็นโครงการเล็กๆ ตั้งอยู่บนที่ดิน 5 ไร่ แบ่งแปลง 37 ยูนิต เนื้อที่ดินแปลงละ 32-48 ตร.ว. เป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 241-298 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ราคาขายเริ่มต้น 14.2 ล้านบาท สูงสุด 22 ล้านบาท

walk-in closet และอ่างอาบน้ำ

เมื่อเทียบกับโครงการใกล้เคียงกัน จะมีโครงการ Shizen พัฒนาการ 32 ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นครึ่ง พื้นที่ใช้สอย 210 ตร.ม. เปิดขายราคา 7.7 ล้านบาทในขณะนี้

เห็นได้ว่าถ้าเทียบกับโปรดักต์เดียวกันในทำเล ถ้าคิดเป็นราคาต่อยูนิตบ้านภูริปุรีจะราคาสูงกว่าเกือบเท่าตัว หรือถ้าเทียบเป็นราคาต่อตร.ม. ราคาสูงกว่าประมาณ 60%

อย่างไรก็ตาม มีลูกค้าจองซื้อไปแล้วถึง 14 ยูนิต แม้ว่าจะแพงกว่ามาก ด้วยดีไซน์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ทำให้ลูกค้าที่มีงบในระดับ 15-20 ล้านบาท มีสิทธิ์เปลี่ยนใจจากบ้านเดี่ยวในโซนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า-กรุงเทพกรีฑา มาเป็นโครงการนี้แทนเพื่อให้ใกล้เมืองขึ้น โดยยังได้ที่อยู่อาศัยในอารมณ์บ้านเดี่ยวและมีพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกันนั่นเอง

 

Facts โครงการ บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด – พัฒนาการ

ผู้พัฒนา: บริษัท ภูริปุรี จำกัด ร่วมกับ บมจ.แอสเซทไวส์
มูลค่าโครงการ: 530 ล้านบาท
ที่ดิน: 5 ไร่
ทำเล: ซอยพัฒนาการ 32
จำนวนแปลง: 37 ยูนิต
แบบบ้าน: ทาวน์โฮม 3 ชั้น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
– เนื้อที่ดิน 32-48 ตร.ว.
– พื้นที่ใช้สอย 241-298 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: 14.2 ล้านบาท
ก่อสร้างเสร็จ: ส่งมอบยูนิตแรก ไตรมาส 4/63